“เกิดวันที่ 4 ตุลาคม ไม่เคยขอพรจากใคร แต่เชื่อว่าถ้าเราขอถูกที่ และถูกจังหวะ ฟ้าจะเปิดให้เราเอง” เนวิน ชิดชอบ กล่าว
ชื่อของ “เนวิน ชิดชอบ” ไม่ได้เป็นเพียงชื่อของนักการเมืองผู้มากบารมีเท่านั้น หากแต่เป็น “ภาพสะท้อน” ของยุคที่การเมืองยังคงผสมผสานกับความเชื่อและจารีตโบราณได้อย่างลงตัว ซึ่งในวันเกิดครบรอบ 67 ปี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ที่สนามช้างอารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์ “พิธีปะกำ” ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาอย่างเต็มรูปแบบ ท่ามกลางการจับตามองของวงการเมือง และสายมูทั่วประเทศ

- พิธีปะกำ: พิธีกรรมที่มากกว่าแค่ “ขอพร”
พิธีปะกำช้าง 10 เชือก ที่ปรากฏขึ้นในวันเกิดของ “ครูใหญ่เนวิน” ไม่ใช่เพียงการรักษาขนบธรรมเนียมของตระกูลชิดชอบ แต่เป็นการตอกย้ำถึงมิติ “พลังความเชื่อ” ที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในระดับจิตวิญญาณของสังคมไทย โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีบทบาทนำ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือแม้แต่ระดับบุคคล
มองลึกลงไป พิธีปะกำคือรากเหง้าของความเชื่อดั้งเดิมในกลุ่มชาติพันธุ์ชาวส่วย (ไทย-กวย) ซึ่งมีบทบาทเป็นหมอช้างมาแต่โบราณ เชื่อว่ามี “ผีปะกำ” ซึ่งสถิตอยู่ในบ่วงเชือกหนังสำหรับคล้องช้าง มีทั้งอำนาจศักดิ์สิทธิ์ให้คุณและให้โทษ เป็นตัวแทนของความเชื่อในวิญญาณบรรพบุรุษที่ปกปักรักษาครอบครัวและเผ่าพันธุ์

- เมื่อ “สายมู” กลายเป็นกลไกทางการเมืองและจิตวิญญาณ
พิธีปะกำในวันนี้ ไม่ใช่เพียงการ “บูชาผีบรรพบุรุษ” เท่านั้น หากแต่ได้ก้าวข้ามไปสู่มิติใหม่ — สายมูกับการเมือง
การปรากฏตัวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีมหาดไทยในพิธีกรรม “ผูกข้อมือเรียกขวัญ” โดยมี “หมอช้าง” ประคองศรัทธา และเนวินช่วยประคองข้อมือ ย่อมไม่ใช่สัญลักษณ์ธรรมดา แต่เป็นการความเชื่อในพลังศักดิ์สิทธิ์ในการต่อโชคชะตา
เนวินได้กล่าวถ้อยคำที่ชัดเจน ว่าขอให้ “อยู่ครบ 4 ปี” ให้ “ชนะเลือกตั้ง” และ “ให้บ้านเมืองสงบสุข”

- ปะกำ: พลังศรัทธาที่มีชีวิต
พิธีกรรมอย่าง “ปะกำ” ไม่ได้ตายไปกับเวลา เพราะในมุมหนึ่ง ไม่เคยเป็นเพียงพิธี หากแต่เป็น “ระบบความเชื่อ” ที่ยังมีชีวิต — ชีวิตของช้าง ชีวิตของผู้ศรัทธา และชีวิตของการเมืองที่รู้จักใช้ “ความเชื่อ” อย่างชาญฉลาด
ดังนั้น ไม่ว่าจะมองในแง่สายมู ความเชื่อพื้นถิ่น พิธีปะกำวันเกิดเนวินปีนี้ อาจเป็นการ “ปลุกพลังเก่าให้กลับมาทำงาน” อีกครั้ง ในวันที่บ้านเมืองต้องการความสงบ ในวันที่มนุษย์ยังต้องการความหวัง