ความพ่ายแพ้ ในสนามเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ของพรรคเพื่อไทย เสียเก้าอี้สส. ให้กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งดูจะเป็นไปตามความคาดหมายก่อนหน้านี้ว่า จาก “พิษคลิปเสียง” การสนทนาระหว่าง “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับสมเด็จ ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาตัวจริง จนกลายเป็น “จุดอ่อน” ทำให้พรรคเพื่อไทย พ่ายกลางสนามอย่างที่เห็น
บาดแผลของพรรคเพื่อไทย ดูจะเป็นแผลฉกรรจ์ เพราะไม่เพียงแต่จะเสียเก้าอี้ “นายกฯ” ไปเท่านั้น แต่บัดนี้ “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” คือ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากจะต้องกลับเข้าเรือนจำตามคำสั่งของศาลฎีกา แผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เท่านั้น แต่ล่าสุดยังพบว่า การยื่นเรื่องขออภัยโทษ ครั้งที่ 2 ยังไม่มีวี่แววว่าสัญญาณ จะออกมาเป็น “บวก”
เมื่อการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ของทักษิณ ได้ตกมาถึงมือ “รัฐบาลใหม่” ที่มี พรรคสีน้ำเงินเป็นแกนนำรัฐบาล มีนายกฯคนใหม่ ที่ชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ซึ่งวันนี้ น้ำเงินกับแดง คือศัตรูทางการเมืองกันไปเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นแม้อดีตนายกฯทักษิณ จะมีความหวัง มากแค่ไหน แต่โอกาสเข้าใกล้ความเป็นจริง อาจเลือนราง เพราะนี่อาจเป็นเหมือน “เผือกร้อน” สำหรับ นายกฯอนุทิน ที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกทางไหน เมื่อวันนี้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คนใหม่ “พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์” เข้ามาทำหน้าที่ และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา คาดว่าในวันที่ 6 ต.ค.นี้จะมีคำตอบ จากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมครม.ต่อไป
เมื่อวันนี้ พรรคเพื่อไทย อยู่ในสภาพที่เรียกว่า เสียหายหนัก เพราะทั้งทักษิณและแพทองธาร ต่างไม่ได้อยู่ในความพร้อมที่จะออกมาถือธงนำพรรคได้ ขณะเดียวกัน ยังดูเหมือนว่าอาการเลือดไหลออก ของสส.พรรคเพื่อไทย ทั้งแกนนำและอดีตสส.ของพรรค ที่พากันทยอยลาออก ไปอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย กับพรรคกล้าธรรม ทำเอา เจ้าของพรรคตัวจริง ต้องเจ็บใจอยู่ในเรือนจำ
ความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้อยู่ในสภาพของ “คนแพ้” แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความหวัง เมื่อล่าสุดพรรคเพื่อไทย ทั้งออกแคมเปญ ผ่านเพจเฟซบุกว่า “เพื่อไทย จะกลับมา” พร้อมทั้งชู “ผลงาน2ปี” ที่เป็นรัฐบาล ทั้งยุครัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จนมาปิดท้ายที่ อดีตนายกฯแพทองธาร
ต่อมาพรรคเพื่อไทยปล่อยคลิปวิดีโอ โดยแพทองธาร ใช้เวลามากกว่า 23 นาที เปิดใจถึงการทำหน้าที่นายกฯ เป็นเวลา 1ปี และความรู้สึกท้อ เมื่อช่วงการเมืองเปลี่ยนแปลง แต่เหนืออื่นใด แพทองธาร ยังบอกด้วยว่า ดีเอ็นเอของความเป็น พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย คือความต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แม้ต่อไปแพทองธาร เองจะไม่ได้เป็นนายกฯแล้ว แต่คนที่จะมาใหม่ ย่อมต้องมีดีเอ็นเอ ชุดนี้อยู่ต่อไป
การประกาศว่าจะกลับมาของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ ไม่มี “แก้วสามประการ” เหมือนที่เคยมีในอดีต ทั้ง การเป็น รัฐบาล การมีสส.จำนวนมากในสภาฯ และ มีกลุ่มพี่น้องคนเสื้อแดง ที่เคยห้อมล้อม เป็นเหมือนผนังทองแดง กำแพงเหล็ก นั้นอาจเป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่น้อย
โดยเฉพาะวันนี้ วันที่พรรคสีน้ำเงิน สยายปีกยึดกุมทั้งอำนาจรัฐ และโอกาสที่พรรคภูมิใจไทย จะเติบโตในสนามเลือกตั้งรอบหน้า แม้จะไม่ถึง ขั้น “พรรคอันดับหนึ่ง” ตามที่ นายกฯอนุทิน ประกาศเอาไว้ แต่อย่างน้อยที่สุด ยังมีความเป็นไปได้มากกว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ดี
จะเว้นก็แต่ว่า “บิ๊กเนม” ของพรรคสีน้ำเงิน โดนอิทธิฤทธิ์ “นิติสงคราม” สะดุดด้วย “ข้อกฎหมาย” และเงื่อนไขมาตรฐานทางจริยธรรม เมื่อฝั่งตรงข้าม เตรียมตั้งป้อม ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบด้วยกันอีกหลายคดี
เมื่อถึงเวลานั้น หากทักษิณ อดทนรอติดคุกให้ครบปี ตามคำพิพากษาเดิม ในคดีชั้น 14 และพรรคเพื่อไทย มี “แคนดิเดตนายกฯคนใหม่” ที่โดดเด่นเหนือกว่า พรรคประชาชน จึงน่าจะมีลุ้น !








