เสือตัวที่ 6
ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ภัยจากธรรมชาติได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับในทั่วทุกภูมิภาคของโลก ภาคใต้ตอนล่างเผชิญวิกฤตน้ำท่วมรุนแรง 3 ปีติดต่อกัน และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำหลากและดินโคลนถล่ม ก่อให้เกิดความเสียหาย สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง นอกจากนั้น ภัยคุกคามจากธรรมชาติยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนและระดับชาติ บั่นทอนเสถียรภาพความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนที่มีต่อระบบรัฐซึ่งเป็นฝ่ายให้ความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชนอย่างสูงสุด ด้วยปรากฏการณ์ภัยคุกคามจากธรรมชาติกรณีน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2566 ได้เกิดฝนตกหนักในภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.นราธิวาสและยะลา เกิดดินโคลนถล่มหลายจุด เช่น ใน อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักที่สุดและมีผู้เสียชีวิตหลายคนจากดินโคลนถล่ม จากสถิติของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) บันทึกไว้ว่า ระหว่าง 23-25 ธ.ค.66 มีปริมาณฝนสะสมรายวันบริเวณ จ.นราธิวาส 651 มม. สูงสุดในประเทศตั้งแต่ปี 2498 ต่อมา ในช่วงปลายปี 2567 ฝนตกหนักกว่าปี 2566 โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง เพียง 5 วัน ตั้งแต่ 26 - 30 พ.ย. 67 มีปริมาณฝนสะสมสูงสุดที่นราธิวาส รองลงมาคือปัตตานี และสงขลา ส่วนที่ จ.ยะลา มีน้ำท่วมตัวเมืองอย่างหนักในรอบ 30 ปี ความรุนแรงของของสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 ราย มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 4.65 หมื่นล้านบาท และน้ำท่วมปีนี้ พ.ย. 2568 ถือเป็นมหาวิกฤตอุทกภัยภาคใต้ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัย 9 จังหวัดภาคใต้ มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก และจากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อ 28 พ.ย.68 พบว่ามีผู้เสียชีวิตมากมายหลักร้อยราย และคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก
สถานการณ์น้ำท่วมในปี 2568 นี้รุนแรงกว่าเมื่อปี 2566 และ 2567 และแตกต่างจาก 2 ปีที่ผ่านมา คือปีนี้น้ำท่วมเกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่ปลายน้ำก่อน จากนั้นมีน้ำจากพื้นที่ต้นน้ำไหลมาสมทบทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น 2 เท่า ซึ่งเกินศักยภาพของพื้นที่จะรับไว้ได้ จากเหตุอุทกภัยครั้งร้ายแรงสุดที่สงขลา ซึ่งหนักมากต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน และในอีกหลายจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี นราธิวาส ปัตตานี ตรัง สตูล ยะลา ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนรวมประมาณ 8 แสนครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4 แสนไร่ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเบื้องต้น คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนจำนวนมาก ด้วยปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเหล่านี้ล้วนเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง แม้รัฐจะมีกลไกเครื่องมือในการคาดการณ์ภัยจากน้ำท่วมได้ล่วงหน้าแม่นยำมากขึ้น หากแต่ในท้ายที่สุดด้วยภูมิรัฐศาสตร์ของไทยที่อยู่ในพื้นที่อากาศแปรปรวน ย่อมทำให้การคาดการณ์เรื่องฟ้าฝนมีความคาดเคลื่อนสูงตามไปด้วย และนั่นจึงเป็นงานของรัฐที่จะเข้าไปคลี่คลายปัญหาเหล่านั้นให้พี่น้องประชาชน ด้วยศักยภาพของความเป็นรัฐจึงมีความพร้อมในการเข้าไปบริหารจัดการต่อภัยพิบัติตั้งแต่เกิดปัญหาจากภัยธรรมชาติจนกระทั่งการฟื้นฟูเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจนกว่าจะเข้าสู่การดำเนินชีวิตปกติ
สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ได้สร้างความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่อย่างแสนสาหัส จากมรสุมรุนแรงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในปี 2568 ได้ถาโถมเข้าใส่อย่างฉับพลัน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งโรงพยาบาล พื้นที่เศรษฐกิจ ระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยมีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยครั้งนี้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก่อให้เกิดทรัพย์สินเสียหายมากมายอย่างประเมินค่ามิได้ในวงกว้าง หากแต่ความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะอยู่ในแห่งหนตำบลใดของประเทศ รัฐพร้อมให้การดูแลแก้ไขและพัฒนาความเป็นอยู่อย่างทัดเทียมกัน เหล่านี้คือความเป็นจริงที่ประจักษ์ชัดอย่างเป็นรูปธรรมสามารถจับต้องสัมผัสได้โดยตรง ด้วยความเป็นรัฐประเทศ ที่มีความสมบูรณ์พร้อมในทุกมิติ ทั้งกำลังคน การจัดหน่วยงาน เครื่องมือที่ทันสมัยและมากเพียงพอ รวมทั้งมีกำลังเงินมหาศาลที่จะใช้ในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติทุกชนิดให้แก่ประชาชนได้ในทุกพื้นที่ของรัฐได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ซึ่งนั่นจึงสะท้อนให้เห็นว่า ความเป็นรัฐจึงมีศักยภาพในการดูแลช่วยเหลือประชาชนทั้งในยามเกิดภัยพิบัติหรือการเดือดร้อนใดๆ และในยามปกติในการพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานที่มีเหนือกว่ากลุ่มคนในขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มใดๆ ในพื้นที่ปลายด้ามขวานที่ได้แต่วาดฝัน สร้างลวงตาให้พี่น้องในพื้นที่จินตนาการอย่างเลื่อนลอย ในการแยกตัวจากรัฐสู่การเป็นอิสระในการปกครองตัวเองของคนในพื้นที่โดยที่พวกเขาไม่มีศักยภาพทั้งในการแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใดๆ เลยแม้แต่น้อย
มหันตภัย ปี 2568 ก่อให้เกิดความทุกข์เข็ญอย่างแสนสาหัสให้ทุกชีวิตในพื้นที่ ก็ไม่มีคนในบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มใดเลยที่เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่ ไม่มีคนในขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มใดที่หยิบยื่นชีวิตและให้เงินเยียวยา หรือเสนอการช่วยเหลือฟื้นฟูความเป็นอยู่ให้พี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยเลยแม้แต่คนเดียว ในทางตรงข้าม ความทุกข์เข็ญของพี่น้องประชาชนในทุกครั้งทุกพื้นที่แม้กระทั่งคนในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ก็มีเพียงรัฐเข้าช่วยเหลือในทุกขั้นตอนตั้งแต่เมื่อเกิดภัยพิบัติจนกระทั่งขั้นการฟื้นฟูเยียวยา ด้วยความเป็นรัฐนี้เอง จึงมีความพร้อมในการดำเนินการสร้างความมั่นคงในการดำเนินชีวิตให้ประชาชนได้ และสิ่งนั้นจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การแยกตัวปกครองกันเองตามการชี้นำอย่างผิดๆ สร้างภาพลวงตาให้เห็นเพียงความเป็นอิสระในการอยู่กันเองโดยสร้างเงื่อนไขจอมปลอมที่บิดเบี้ยวให้พี่น้องในพื้นที่หลงเชื่อของขบวนการร้ายเหล่านั้น กับความอบอุ่นจากการเป็นรัฐที่สมบูรณ์เป็นปึกแผ่นด้วยกัน สิ่งใดจะให้ชีวิตที่ดีกว่ากันแน่ เหล่านี้คือข้อมูลเชิงประจักษ์ที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ ได้พบเจอด้วยตนเองอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้จริงครั้งแล้วครั้งเล่า ปรากฏการณ์เหล่านั้นจนถึงวันนี้และในอนาคตจึงเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า การเป็นพี่น้องร่วมชาติในผืนแผ่นดินแห่งนี้ด้วยกันอย่างเป็นเอกภาพนั้น จะเป็นประโยชน์ที่ทุกชีวิตในดินแดนแห่งนี้พึงได้รับร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้ และความไม่แน่นอนจากภัยธรรมชาติแม้จะเกิดขึ้น ก็สามารถต่อสู้ฝ่าฟันไปได้ด้วยศักยภาพอันเข้มแข็งของความเป็นปึกแผ่นของรัฐ จึงจะทำให้คนในผืนแผ่นดินนี้สามารถดำเนินชีวิตอย่างมั่นคงได้อย่างแท้จริง








