วันที่ 3 ต.ค.68 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตส.ส.หลายสมัยของพรรคปชป. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า วันที่ 3 ต.ค 68
ยังเหลือเวลา15วันที่จะเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่10 และคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ชุดใหม่
ตอนที่1 ผมได้เรียกร้องตั้งแต่#วันศุกร์ที่12 ก.ย 68 ผมทราบข่าวการลาออกตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน จากน้องบีท ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ ส่งไลน์หนังสือกกต.มาให้ดู และทราบเหตุผลว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ก็ต้องสิ้นสุดลง และต้องจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายใน 60วัน ก็รู้สึกเห็นใจและเข้าใจท่านเฉลิมชัยเป็นอย่างยิ่ง จึงขอชื่นชมที่ท่านได้พยายามขับเคลื่อนการบริหารพรรคในช่วงวิกฤติที่ผ่านมาครับ ซึ่งไม่ขอพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วครับ เพียงแต่หวังว่าพวกเราทุกคนที่ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จะได้ตระหนักสำนึกว่าภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่มีข้อจำกัดเช่นนี้ เราจะช่วยกันพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้อย่างไร
เราจะช่วยกันใช้โอกาสนี้เป็นโอกาสที่จะปฏิรูปพรรคให้เป็นพรรคที่เป็นสถาบันทางการเมือง ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ ต่อต้านเผด็จการ เป็นพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และสร้างโอกาสและระบบที่ดีให้คนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการสร้างการเมืองที่สุจริตให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงต่อไปครับ
ตอนที่2 ”อย่าโห่ไก่น้าเณร“ มีหลายคนเชียร์ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้มาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อมาฟื้นฟูพรรคและปฏิรูปพรรคเพื่อสร้างความนิยมให้กลับมาดังเหตุผลที่นักวิชาการและกองเชียร์หลายท่านได้ให้เหตุผลอย่างน่ารับฟัง โดยเฉพาะของอาจารย์เจิมศักดิ์ ผมคิดว่าผมเห็นด้วยทุกประการ แต่ผมได้เรียกร้องสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นอดีตสส.อดีตกรรมการบริหาร และอดีตรัฐมนตรีกลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค กันบ้างเพื่อเป็นกำลังใจแก่ ท่านอภิสิทธ์ และเป็นผู้ลงคะแนนในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เพิ่งเห็นประธานกกต.ของพรรค(ท่านวิรัช ร่มเย็น) ได้ประกาศว่า ผู้ที่จะใช้สิทธิเป็นผู้ลงคะแนนเลือกตั้งที่เป็นอดีตทั้งหลาย หรือพูดง่ายๆคือผู้ที่ลาออกจากพรรคไปแล้ว หากจะใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ให้สมัครได้ภายในวันนี่(3ต.ค2568 เวลา0:00น)
ตอนที่3 ผมเป็นนักรบประชาธิปไตยภาคสนาม ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เสาไฟฟ้า เพราะลงสมัครครั้งแรกปีพ.ศ2531 พรรคแตกแยก (เกิดกลุ่ม10มกรา) ผมต้องต่อสู้กับบิ๊กเนมอย่าง พล.อหาญ พี่ถวิล พี่นิยม และต่อมาปี2535/1 จึงได้เป็นสส.เขตต่อเนื่องมา9สมัย พร้อมกับท่านอภิสิทธิ์ และได้เป็นเลขานุการรัฐมนตรี3กระทรวง เป็นประธานวิปฝ่ายรัฐบาล รองประธานวิปฝ่ายค้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ( 2553-2554) สมัยรัฐบาลท่านอภิสิทธิ์ ตลอดเส้นทางต่อสู้กับพรรคมาตลอด ทุกสถานการณ์ ไม่เคยย้ายพรรค ช่วงหนึ่งผมเห็นด้วยกับท่านอภิสิทธิ์ที่จะจัดทำไพรมารี่โหวตในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพราะถือว่าเป็นพรรคเสรีนิยมที่ก้าวหน้าพรรคหนึ่งของโลก และผมก็เป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำคะแนนไปให้ท่านอภิสิทธิ์ กว่า5000คะแนนทำให้ท่านอภิสิทธิ์ชนะนายแพทย์วรงค์ในคราวนั้น แต่คราวนี้ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ใช้หลักเกณฑ์ที่แก้สัดส่วนเป็นค่าน้ำหนักคะแนน 40:20:40 เหมือนที่หลายท่านอธิบายแล้ว สรุปให้เข้าใจง่ายคือสส.ต่อ1คน มีค่าต่อน้ำหนักคะแนนประมาณ1.6คนครับ กรรมการบริหารพรรคที่ไม่ได้เป็นสส. จะได้ค่าน้ำหนักต่อ1คน เท่ากับ0.8คน และองค์ประกอบอื่นเช่นอดีตสส. อดีตรัฐมนตรี จะได้ค่าน้ำหนักประมาณ 0.2ต่อคนครับ ผมทำได้แค่นี้ครับ
ผมจึงเรียกร้องว่าถ้าเราทุกคนฝ่ายที่อยากเห็นวิกฤติเป็นโอกาส และร่วมมือกันฟื้นฟูพรรคของเราอย่างจริงใจและจริงจัง ผู้บริหารพรรคชุดท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และท่านเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ทั้ง19คนต้องประกาศแสดงความรับผิดชอบไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ และไปเรียนเชิญท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาสมัครเป็นหัวหน้าพรรค และให้สิทธิ์ท่านเลือกตำแหน่งต่างๆตามข้อบังคับพรรคโดยปราศจากการต่อรองใดๆ ส่วนตำแหน่งอื่นๆที่เลือกกันในฟลอร์ก็ให้เลือกตามกลไกภายในพรรคโดยเปิดเผย ผมเขื่อมั่นว่าจะเป็นการนับหนึ่งที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพรรคประชาธิปัตย์ในสายตาประชาชนว่าเป็นพรรคที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่แท้จริงครับ ด้วยดวงจิตคารวะและศรัทธาครับ