เสือตัวที่ 6
ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา มีหลายเรื่องราวที่ถูกขับเคลื่อนไปของทั้งฝ่ายรัฐและฝ่ายก่อความไม่สงบเพื่อแบ่งแยกผู้คนปลายด้ามขวานออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างมีท่วงทีที่มีการชิงไหวชิงพริบการต่อตู้กันอย่างแนบยล ลุ่มลึกเกินกว่าที่จะมีนักวิชาการแขนงใดแขนงหนึ่งออกมาวิเคราะห์ปรากฏการณ์ต่างๆ เหล่านั้นได้อย่างชัดเจนและใกล้เคียงความจริงมากที่สุดได้ เพราะท่ามกลางการขับเคลื่อนการต่อสู้ โดยเฉพาะของฝ่ายก่อความไม่สงบนั้น ล้วนใช้กลยุทธ์แบบเหนือชั้น และมีการต่อสู้อย่างมีกระบวนการที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ มากมายในการขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐอย่างเป็นระบบ ทั้งส่วนมันสมองที่ประกอบด้วยนักคิด นักยุทธศาสตร์ นักวิชาการของขบวนการที่มีจำนวนไม่น้อย ส่วนที่เป็นกองกำลังติดอาวุธที่มีความพร้อมในรูปแบบสงครามใต้ดินที่ยากจะค้นหาร่องรอยได้โดยง่าย ส่วนของนักจัดตั้งมวลชนที่แอบซ่อนอยู่ในภาคส่วนต่างๆ ของงสังคม และส่วนของแนวร่วมในที่ลับที่คอยให้การสนับสนุนทุกรูปแบบ ตลอดจนส่วนของการปฏิบัติการข่าวสารในรูปแบบต่างๆ อาทิเช่นกลุ่มภาคประชาสังคมในพื้นที่ รวมทั้งส่วนของการเดินเกมในองค์กรระหว่างประเทศที่คอยขับเคลื่อนการต่อสู้ทุกรูปแบบในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ นอกจากนั้น ยังมีส่วนของการสนับสนุนด้านแหล่งทุนในการขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐที่มีศักยภาพการระดมทุนในทางลับได้อย่างเหลือเชื่อ
เหล่านี้คือความยากที่หน่วยงานภาครัฐ จะเข้าคลี่คลายความดำมืดของขบวนการร้ายแห่งนี้ให้กระจ่างชัดได้โดยง่าย การดำเนินการชิงไหวชิงพริบในการต่อสู้กับรัฐ จึงเต็มไปด้วยขวากหนามตลอดปี 2562 ที่ผ่านมา ฝ่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดนปลายด้ามขวานแห่งนี้ จึงสามารถช่วงชิงการนำฝ่ายรัฐได้เสมอมา ความแนบเนียนในการดำเนินการต่อสู้ของฝ่ายขบวนการนี้ จึงยากที่จะค้นหาและนำตัวคนร้ายมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของรัฐได้โดยง่ายอย่างที่คิด แนวทางในการต่อสู้ทางความคิดของฝ่ายรัฐที่ยังไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงไม่สามารถช่วงชิงมวลชนคนในพื้นที่ให้กลับมาเป็นฝ่ายรัฐได้อย่างที่ตั้งใจ
หลายกรณีจึงทำให้กลุ่มคนของรัฐ ทั้งทหารตำรวจ และอาสาสมัครทั้งหลายที่จัดตั้งโดยรัฐ ต้องตกเป็นเหยื่อในการโจมตี ลอบทำร้ายของฝ่ายกอ’กำลังติดอาวุธตลอดจนแนวร่วมองขบวนการ และเกือบทุกกรณีที่ฝ่ายกองกำลังและหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐ ไม่อาจล่วงรู้แผนการร้ายเหล่านั้นได้ก่อนที่จะถูกทำร้าย เหล่านี้คือตัวชี้วัดให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การช่วงชิงพี่น้องประชาชนคนในพื้นที่ของรัฐ ไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้อย่างแท้จริง ในทุกเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในรอบปี 2562 หน่วยงานและกลุ่มประชาชนจัดตั้งของรัฐ จึงถูกลอบสังหารให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างที่เห็น ความจำเป็นในการเอาชนะทางความคิดในสงครามการต่อสู้ทางความคิดในพื้นที่แห่งนี้ จึงไม่อาจเอาชนะฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้ได้โดยง่าย
ด้วยอัตลักษณ์ที่แตกต่าง ทั้งทางกายภาพ การแต่งกาย วิถีชีวิตประจำวัน ตลอดจนการนับถือตามความเชื่อทางศาสนา ระหว่างคนในพื้นที่ กับคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ ล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญในการขวางกั้น ซึ่งนั่นคือเวทีของการเอาชนะในวาทะกรรมที่ฝ่ายรัฐพยายามส่งผ่าไปยังกลุ่มคนในท้องถิ่นว่า พหุวัฒนธรรม อันบ่งบอกว่าคนทุกคนสามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติท่ามกลางความแตกต่างเหล่านั้น หากแต่วาทะกรรมที่ว่านั้น ยังไม่สามารถเอาชนะวาทะกรรมของฝ่ายนักคิด นักจัดตั้งมวลชนของขบวนการร้ายแห่งนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
ท่าทีในการให้ความร่วมมือของมวลชนคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ การยิ้มแย้มแจ่มใส และการต้อนรับขับสู้เจ้าหน้าที่รัฐของคนในพื้นที่ จึงไม่อาจสะท้อนความเป็นจริงของความไว้วางใจใกล้ชิดของคนในพื้นที่ที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐได้เลยแม้แต่น้อย การช่วงชิงความไว้วางใจของมวลชนในพื้นที่ของฝ่ายรัฐ จึงล้มเหลวตลอดปี 2562 อย่างเห็นได้ชัด อาทิกรณีลอบโจมตีจุดตรวจที่ลำพะยา จ.นราธิวาส ส่งผลให้พี่น้องชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตลงไปเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีข่าวการโจมตีของฝ่ายขบวนการเล็ดลอดออกมาถึงหูเจ้าหน้าที่รัฐเลยแม้แต่น้อย
รวมทั้งกรณีล่าสุดที่เจ้าหน้าที่ทหารพราน ต้องตกเป็นเหยื่อ กรณีเข้าไล่ล่า ปิดล้อม ตรวจค้นกลุ่มผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคงบนเทือกเขาตะเว หรือ เขาอาปี จ.นราธิวาส เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายนั้น ก็มีกระแสโจมตีอย่างหนักหน่วงว่า เจ้าหน้าที่ทหารพรานดังกล่าว ยิงผิดตัว และผู้เสียชีวิตทั้งหมดนั้นเป็นชาวบ้านธรรมดา หาใช่โจรใต้ไม่ โดยมีการทำงานในเชิงการหาความเป็นธรรมให้ผู้เสียชีวิตของคนหลายกลุ่มหลายฝ่ายในวงกว้าง แม้ว่าผลการพิสูจน์ความถูกผิด ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการชัดเจน แต่ปรากฏการณ์นี้ เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า การต่อสู้ของรัฐที่มีต่อขบวนการแห่งนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
ท่ามกลางฝุ่นควันของการต่อสู้ระหว่ารัฐกับขบวนการแบ่งแยกผู้คนปลายด้ามขวานออกจากคนส่วนใหญ่ครั้งนี้ รัฐบาลต้องหันกลับมาให้ความตระหนักในสนามรบแห่งนี้ และเข้าบริหารจัดการเพื่อคลี่คลายความดำมืดของพื้นที่แห่งนี้ให้กระจ่างชัดมากขึ้น ชีวิตผู้คนที่บริสุทธิ์และชะตากรรมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตัวเล็กๆ ท่ามกลางอันตรายรอบด้านตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น ควรได้รับความสำคัญยิ่งขึ้นจากรัฐ เพราะหากปล่อยให้หน่วยงานในพื้นที่ ทำงานไปวันๆ อย่างไม่เห็นอนาคต ก็เชื่อว่าดินแดนแห่งนี้คงลุกโชนด้วยไฟแค้นต่อไปจนถึงวันที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องเสียใจ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง จึงปรารถนาที่จะเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของหน่วยงานระดับชาติที่จะช่วยกันชี้นำให้ความชัดเจนกับผู้ปฏิบัติงานตัวเล็กๆ และกับคนไทยทุกคนทุกคนว่า ปี 2563 จะเป็นปีแห่งความหวังที่จะร่วมกันก้าวใหม่ นำสันติสุขกลับคืนสู่ดินแดนแห่งนี้ให้ได้เสียที