ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2563 ผ่านวาระแรกอย่างสบายด้วยคะแนน 251 : 234 ของพรรคฝ่ายค้านร่วมที่งดออกเสียง เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลปรับลด-เปลี่ยนแปลงงบประมาณให้เหมาะสม
ประเด็นที่พรรค่ายค้านท้วงติงและให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลคือการจัดงบประมาณไม่สมดุล เป็นการกู้ติดต่อกันมาหลายปี งบกลางมากไปเกินความจำเป็น ไม่สนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศที่ตกต่ำลงมาก กับทั้งงบทหารมากเกินไป และอีกหลายๆประเด็นของฝ่ายค้านที่ต้องการให้ปรับปรุงในวาระ 2-3 ต่อไป
รัฐบาลได้ชี้แจงว่าตั้งงบประมาณตามยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน อันประกอบไปด้วย ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้านพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้านการปรับสมดุลและพัฒฯระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ชาติมีแผนพัฒนาและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 วางรากฐานให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งคงไม่มีประเทศใดในโลกที่จะสามารถเนรมิตให้งบประมาณเพียงน้อยนิดมีอยู่จำกัด บรรลุวัตถุประสงค์ไปได้เพียงปีเดียว ซึ่งรัฐบาลขาดการชี้แจงในจุดนี้
ความจริงเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภาพอนาคตของประเทศไทย 2580 ระบุไว้ว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ให้มีทักษะ คิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ นิสัยใฝ่เรียนรู้ จิตสำนึกดีงาม มีวินัย รู้คุณค่าความเป็นไทย มีสุขภาพกาย/ใจที่ดี
รายได้ต่อหัวตามเกณฑ์ประเทศรายได้สูง เมืองสีเขียว เมืองน่าอยู่ ขยะเป็นศูนย์ เศรษฐกิจฐานชีวภาพ บริการหลากหลาย ผลิตได้ขายเป็น สังคมเป็นธรรมมีคุณภาพ เศรษฐกิจฐานความรู้ (Productivity & Innovation Driven) และภาครัฐกระทัดรัด ทันสมัย โปร่งใส มีประสิทธิภาพ
โดยสรุปยุทธศาสตร์ชาติต้องการให้ “ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
แต่งบประมาณก้อนนี้ใช้สำหรับปี 2563 ตามแนวทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ต่อด้วย 13-14-15 ตามลำดับ ต้องมีแผนทุกๆ 5 ปี 4 ระยะ เพื่อค่อยๆวางรากฐานทุกอย่างให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ จึงไม่สามารถยืนยันและรับรองว่าจะสามารถนำประเทศไปสู่เป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติได้ทั้งหมด
ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่12 เขียนโครงการและกิจกรรมไว้โดยละเอียดควบคู่ไปกับการปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้านพร้อมกันไป เพื่อให้อนาคตคนไทยอยู่ดีกินดี มีความสุข ด้วยการเพิ่มศักยภาพคนไทย พัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่ม พัฒนาเกษตรยุคใหม่ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ภาครัฐดิจิทัล และพัฒนาพื้นที่ภาคและเมือง เป็นต้น
รัฐบาลคงต้องชี้แจงให้กรรมาธิการในวาระ 2-3 ให้เข้าใจถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และยอมปรับ-ลด งบประมาณของยุทธศาสตร์ลงไปเกลี่ยให้ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศและระบบเศรษฐกิจให้สามารถขับเคลื่อนตัวเองได้บ้าง เช่น งบความมั่นคง และงบกลางที่มีอยู่ให้สามารถ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ผ่านพ้นไปพัฒนาประเทศด้วยวงเงินรวม 3.2 ล้านล้านบาท