เสือตัวที่ 6
ท่ามกลางความสงบเงียบของสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ทำให้รัฐไว้วางใจต่อภัยคุกคามต่ออธิปไตยและความเป็นปึกแผ่นของรัฐที่ถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องจากขบวนการร้าย และทำให้รัฐลดทอนความตั้งใจในการทุ่มกำลังเพื่อเอาชนะภัยคุกคามจากกลุ่มคนในขบวนการแย่งยึดอำนาจรัฐไปเป็นเอกราชบนพื้นที่ที่พวกเขาอ้างอิงประวัติศาสตร์ปาตานีที่มีเอกราชปกครองกันเองมาแต่เดิม ประกอบกับสถานการณ์ความขัดแย้งกับกัมพูชาจนถึงขั้นการใช้อาวุธสงครามของกองทัพอย่างเต็มรูปแบบในขณะนี้ ยิ่งทำให้ความสนใจของรัฐในพื้นที่ความขัดแย้งจนถึงขั้นเป็นอันตรายร้ายแรงที่อาจกระทบต่อการสูญเสียแผ่นดินของรัฐไปเป็นของขบวนการแย่งยึดอำนาจรัฐต้องถูกดึงความพยายามในการต่อสู้ไปที่ความขัดแย้งกับประเทศกัมพูชาอย่างเต็มกำลัง ซึ่งนั่นจะทำให้โอกาสแห่งความสำเร็จของขบวนการร้ายแห่งนี้เข้าใกล้เป้าหมายสำคัญเอกราชรัฐปาตานีมากขึ้นทุกที ด้วยในขณะที่รัฐผ่อนคลายความสนใจและความพยายามในการต่อสู้กับภัยคุกคามต่ออธิปไตยและความเป็นปึกแผ่นของรัฐในพื้นที่ปลายด้ามขวาน หากแต่กลุ่มขบวนการร้ายเหล่านี้หาได้ผ่อนคลายความมุ่งมั่นในการแย่งยึดอำนาจรัฐไปเป็นของพวกเขาไม่ ในทางกลับกัน กลุ่มคนในขบวนการแบ่งแยกอำนาจการปกครองจากรัฐกลับทุ่มเทความพยายามในการต่อสู้ให้เข้มข้นมากขึ้น พวกเขากำลังใช้จังหวะที่เป็นช่องว่างความสนใจของรัฐที่กังทุ่มความพยายามในการต่อสู้ไปที่ชายแดนฝั่งกัมพูชา ตลอดจนการหันความตั้งใจไปสู่การต่อสู้กับคู่แข่งในสนามเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นให้เป็นโอกาสทองให้แกนนำขบวนการร้ายเหล่านี้ไปใช้ในการเดินเกมเข้าใกล้สู่สภาวะรัฐเอกราชปาตานีมากขึ้น
ในขณะที่รัฐกำลังสาละวนอยู่กับการต่อสู้อย่างรุนแรงและเข้มข้นมากที่สุดเท่าที่เคยทำสงครามตามแบบมาในยุคใหม่กับกัมพูชาที่ยังหาจุดจบไม่ได้ ทรัพยากรของรัฐทั้งมวลและองคาพยพทุกรูปแบบจึงถูกทุ่มเทไปที่การจัดการกับภัยคุกคามต่ออธิปไตยของรัฐที่กำลังท้าทายอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมอยู่ในเบื้องหน้า ด้วยการต่อสู้ของรัฐกับกัมพูชาในขณะนี้เป็นการต่อสู้ในสงครามตามแบบอันเป็นการต่อสู้ในสงครามที่เป็นแบบแผนชัดเจน มีข้าศึกศัตรูที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนจับต้องได้ และเป็นภัยคุกคามแบบดั้งเดิมที่เกิดจากการคุกคามด้วยกำลังทหารอย่างเปิดเผย เป็นการใช้กำลังทหารของกองทัพอย่างเปิดเผยเต็มรูปแบบจนการปะทะกันตามแนวชายแดนได้ขยายตัวเป็นสงครามที่ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ เหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐย่อมทุ่มเทความสนใจและพลังอำนาจของรัฐทั้งมวลไปกับการต่อสู้เพื่อขจัดภัยคุกคามที่กำลังปรากฏชัดจากกัมพูชาให้ลดน้อยถอยลงจนอยู่ในระดับที่ไม่เป็นภัยคุกคามต่อรัฐไทยอีกต่อไป หากแต่ในปัจจุบันภัยคุกคามต่ออธิปไตยและความเป็นปึกแผ่นของรัฐไม่ได้มีอยู่ในพื้นที่ชายแดนกัมพูชาเท่านั้น ด้วยสมรภูมิสู้รบในพื้นที่ปลายด้ามขวานของรัฐยังคงดำเนินอยู่อย่างเข้มข้น แม้การก่อเหตุรุนแรงจะดูว่าแผ่วเบาลงไปจนกลายเป็นความสงบเงียบที่ฝ่ายรัฐพึงพอใจต่อสถานการณ์เช่นนี้ แต่ขบวนการร้ายแห่งนี้กำลังใช้กลยุทธ์การต่อสู้ไปในมิติอื่นที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้กำลังอาวุธในการต่อสู้อย่างที่เคยทำมา
ความสงบเงียบจากเหตุร้ายรายวันอย่างที่เคยมีมา ขบวนการร้ายแห่งนี้ กำลังเดินเกมการต่อสู้ทางความคิดโดยการแทรกซึมเข้าไปเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกในรัฐสภาเพื่อหวังจะเข้าไปเดินเกมเอาชนะในระดับชาติ โดยการชี้นำและกำหนดนโยบายในการขจัดขัดขวางและยกเลิกกฎหมาย หรือข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคในการต่อสู้ในพื้นที่ เพื่อลดทอนศักยภาพในการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่รัฐให้ลดน้อยถอยลง คู่ขนานกับการออกกฎกติกาและข้อกฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการให้สิทธิ เสรีภาพ และอิสรภาพกับคนในพื้นที่เพื่อชักนำไปสู่เป้าหมายการกำหนดชีวิตตนเองของคนในพื้นที่ผ่านกระบวนการ RSD (Right to Self-determination) เพื่อขบวนการร้ายเหล่านี้จะได้มีโอกาสในการอ้างอิงประชามติของคนในพื้นที่ในเจตจำนงการปกครองกันเองอย่างอิสระซึ่งนั่นคือชัยชนะที่ไม่ต้องรบ สู่ความเป็นเอกราชรัฐปาตานีในท้ายที่สุด และหากคนระดับนำในขบวนการแบ่งแยกอำนาจการปกครองจากรัฐสามารถเข้าไปมีอิทธิพลทางความคิดระดับการเมือง มีอิทธิพลในการชี้นำตัวบุคคลที่จะมาเป็นบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนการต่อสู้สู่เป้าหมาย อาทิ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขอันเป็นตัวจักรสำคัญในฐานะผู้แทนของรัฐในการเจรจากับตัวแทนฝ่ายขบวนการแย่งยึดอำนาจรัฐ เมื่อหัวหน้าคณะพูดคุยและองคาพยพอื่นๆ เป็นคนที่ฝักใฝ่ตามแนวคิดของขบวนการแย่งยึดอำนาจรัฐ ย่อมเป็นผลการพูดคุยที่ซ่อนปนไปกับการเอื้ออำนวยต่อความเป็นอิสระในการปกครองดูแลกันเองของคนในพื้นที่
ภัยคุกคามที่มีคู่ต่อสู้มีตัวตนจับต้องได้ชัดเจนในความขัดแย้งด้วยสงครามเต็มรูปแบบ จึงไม่แปลกที่การทุ่มเทกำลังการต่อสู้ของรัฐไปที่ชายแดนกัมพูชาเป็นหลัก ซึ่งนั่นทำให้หน่วยงานรัฐในพื้นที่ทำได้เพียงการประคองตัวให้สถานการณ์ไม่ลุกโชนขึ้นมาอีกจนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประสิทธิภาพการแก้ปัญหาของหน่วยในพื้นที่ เหล่านั้นเป็นเหตุให้การต่อสู้ในมิติของการสร้างความขัดแย้งด้วยอาวุธของขบวนการร้ายจึงบรรเทาเบาบางลงโดยที่หน่วยงานรัฐกลับนำไปอ้างเป็นผลงานว่ารัฐควบคุมสถานการณ์ได้ แต่กระนั้น แม้ขบวนการร้ายจะผ่อนการใช้อาวุธก่อการร้ายอันเป็นไปตามความต้องการของขบวนการเองเพื่อสอดรับกับสถานการณ์ที่ขบวนการร้ายสามารถควบคุมเขตปลดปล่อยอำนาจรัฐในพื้นที่ได้ตามต้องการแล้ว แต่ขบวนการร้ายแห่งนี้ยังคงไว้ซึ่งศักยภาพในการใช้อาวุธในการต่อสู้เพื่อสนองนโยบายการต่อสู้ทางความคิดสู่การบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอยู่อย่างเข้มข้น คู่ขนานกับการใช้ช่องว่างจากการผ่อนคลายการต่อสู้ของรัฐไปเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนการสร้างมโนทัศน์อุดมการณ์การต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานีด้วยการหล่อหลอมตอกย้ำแนวคิดอันเป็นปรปักษ์กับรัฐในทุกช่วงวัยและทุกภาคส่วนในวงกว้างอย่างเข้มข้น และสิ่งนั้นจะสร้างแนวร่วมมวลชนคนในพื้นที่ที่มีอุดมการณ์อันแข็งแกร่งร่วมกัน เพื่อสอดรับกับการขับเคลื่อนนโยบายและกติกาในการเมืองระดับชาติที่กำลังสอดแทรกเข้าไปในระบบ
ความสงบเงียบของเหตุรุนแรงจากการลดระดับการก่อการร้ายในพื้นที่ จึงสอดรับกับการแอบอ้างเป็นผลงานของฝ่ายความมั่นคง ที่ได้รับการเกื้อหนุนจากสถานการณ์การปะทะกันด้วยอาวุธอย่างรุนแรงขั้นสงครามที่ไม่มีการประกาศในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา ตลอดจนห้วงเวลาทางการเมืองที่กำลังสาละวนอยู่กับการแข่งขันการเลือกตั้ง ยิ่งทำให้รัฐและสังคมทั่วไปละเลยภัยคุกคามต่อเอกราช อธิปไตยและความเป็นปึกแผ่นของชาติพื้นที่ปลายด้ามขวาน และเป็นช่วงจังหวะให้ขบวนการแย่งยึดอำนาจรัฐเร่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเดินหน้าบนเส้นทางสู่เอกราชรัฐปาตานีใกล้เป็นจริงมากขึ้นทุกที แม้จะดูประหนึ่งว่าปัญหาที่กระทบกับบูรณภาพแห่งดินแดนในพื้นที่จะหมดไป แต่นั่นคือภัยคุกคามเงียบที่เป็นมหันตภัยร้ายแรงยิ่งต่ออธิปไตยและความเป็นหนึ่งเดียวของรัฐไทยที่จะมองข้ามไม่ได้








