มองผ่านข้อมูล

อนาคตอุดมศึกษาในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ความคุ้มค่า ตลาดแรงงาน ปัญญาประดิษฐ์ และพันธกิจใหม่ของมหาวิทยาลัย

แชร์ข่าว

รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต 

ระบบอุดมศึกษากำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายทศวรรษ ไม่เพียงเพราะแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการเมือง หากแต่เกิดจากการสั่นคลอนของ “สัญญาทางสังคม” ระหว่างมหาวิทยาลัยกับประชาชน ภายใต้หความเชื่อที่ว่า การลงทุนในการศึกษาอุดมศึกษาจะนำไปสู่ชีวิตที่มั่นคง มีศักดิ์ศรี และมีความหมาย สัญญานี้กำลังถูกตั้งคำถามอย่างจริงจังจากทั้งผู้เรียน ผู้ปกครอง และสังคมในวงกว้าง

การเสวนาของผู้นำมหาวิทยาลัยชั้นนำสะท้อนให้เห็นประเด็นหลักสี่ประการที่ผู้กำหนดนโยบายและผู้บริหารสถาบันจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ได้แก่ ความคุ้มค่าและความสามารถในการเข้าถึง การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานภายใต้ AI ความสมดุลระหว่างการฝึกอาชีพกับการศึกษาพื้นฐาน และคำถามเชิงอัตลักษณ์ว่า “ในวันนี้มหาวิทยาลัยมีไว้เพื่ออะไร” 

ความคุ้มค่าและความสามารถในการเข้าถึง: วิกฤตศรัทธาที่ลึกกว่าตัวเลขค่าเล่าเรียน

ปัญหาค่าเล่าเรียนและหนี้นักศึกษาไม่ใช่เพียงประเด็นทางการเงิน แต่เป็นสัญญาณของวิกฤตศรัทธาในระบบอุดมศึกษา ผู้นำมหาวิทยาลัยยอมรับร่วมกันว่า แม้ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา สถาบันต่าง ๆ จะลงทุนอย่างมากในการช่วยเหลือนักศึกษารายได้น้อย แต่ช่องว่างใหม่กลับเกิดขึ้นกับชนชั้นกลางซึ่ง “ไม่จนพอจะได้รับทุนเต็มจำนวน และไม่มั่งคั่งพอจะรับภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างสบาย”

ยิ่งไปกว่านั้น ระบบอุดมศึกษาไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน มหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำ วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐ และวิทยาลัยชุมชน (Community college) มีต้นทุน โครงสร้างผู้เรียน และผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างมาก การพูดถึง “วิกฤตหนี้นักศึกษา” แบบเหมารวมนับว่ามีความเสี่ยงต่อการออกนโยบายที่ไม่ตรงจุด และอาจบ่อนทำลายสถาบันอุดมศึกษาที่ทำหน้าที่ลดความเหลื่อมล้ำได้ดีอยู่แล้ว

ประเด็นสำคัญที่ผู้นำเสนอร่วมกันคือ อุดมศึกษาเป็น Public good ที่รัฐต้องร่วมรับผิดชอบอย่างจริงจัง ประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาชี้ชัดว่า ทุกครั้งที่ประเทศเผชิญวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นสงคราม การแข่งขันทางวิทยาศาสตร์ หรือการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจ รัฐเลือกลงทุนในอุดมศึกษาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหา หากรัฐถอนตัวหรือมองอุดมศึกษาเป็นภาระเพียงฝ่ายเดียว ความสามารถในการแข่งขันและความเคลื่อนไหวทางสังคมของประเทศจะถดถอยในระยะยาว 

บัณฑิตในตลาดแรงงานยุค AI: จากความกังวลสู่ความรู้สึก “ไร้ตัวตน”

สิ่งที่สะท้อนชัดเจนที่สุดจากเวทีนี้คือความทุกข์ของบัณฑิตรุ่นใหม่ ไม่ใช่เพียงเพราะหางานยาก แต่เพราะกระบวนการสรรหาที่ถูกกลั่นกรองโดย AI ทำให้บัณฑิตรุ่นใหม่รู้สึก “มองไม่เห็น” และ “ไม่มีคุณค่า” การสมัครงานหลายร้อยตำแหน่งโดยไม่เคยได้สนทนากับมนุษย์ ไม่ใช่เพียงปัญหาเชิงตลาดแรงงาน แต่เป็นวิกฤตทางจิตวิทยาและศักดิ์ศรีของคนหนุ่มสาว

ผู้นำมหาวิทยาลัยสะท้อนสองท่าทีควบคู่กัน หนึ่งคือการยืนยันคุณค่าของทักษะมนุษย์ - ความคิดสร้างสรรค์ การตีความเชิงจริยธรรม ความเข้าใจบริบทและวัฒนธรรม - ซึ่ง AI ไม่อาจทดแทนได้ อีกด้านหนึ่งคือการยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า สถาบันอุดมศึกษาต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ในการเชื่อมโยงการเรียนกับเส้นทางอาชีพ ไม่ว่าจะผ่านการฝึกงาน การเรียนรู้จากการทำงานจริง หรือการเพิ่มทักษะเฉพาะทางในรูปแบบที่ยืดหยุ่น เช่น Micro-credentials

สารสำคัญที่สอดคล้องกันคือ AI จะไม่มาแทนที่มนุษย์โดยตรง แต่จะเพิ่มคุณค่าให้กับผู้ที่รู้จักใช้มันอย่างมีวิจารณญาณ มหาวิทยาลัยต้องทำให้ความรู้และทักษะด้าน AI เข้าถึงได้ในทุกสาขา ไม่ใช่จำกัดอยู่เฉพาะสายเทคโนโลยี 

ระหว่างการฝึกอาชีพกับการศึกษาพื้นฐาน: ทางเลือกเทียมที่ต้องก้าวข้าม

ข้อถกเถียงว่ามหาวิทยาลัยควรเน้น “Workforce training” มากขึ้นหรือไม่ เผยให้เห็นความตึงเครียดเชิงปรัชญา แต่ไม่ใช่ความขัดแย้งที่ไม่อาจประสานได้ ฝ่ายหนึ่งเตือนว่า หากเน้นทักษะเฉพาะทางมากเกินไป นักศึกษาจะเสี่ยงต่อการตกยุคในโลกที่อาชีพเปลี่ยนเร็ว อีกฝ่ายชี้ว่า หากขาดการเชื่อมโยงกับตลาดแรงงานจริง ผู้เรียนจะรู้สึกว่าการศึกษาขาดความหมายเชิงปฏิบัติ

ฉันทามติที่เริ่มก่อตัวคือความจำเป็นของ “โมเดลผสม” ที่หลอมรวมฐานคิดเชิงมนุษยศาสตร์ การวิเคราะห์ความซับซ้อน และจริยธรรม เข้ากับทักษะที่ใช้ได้จริงและประสบการณ์ทำงานตั้งแต่ช่วงต้นของการศึกษา การศึกษาที่ดีในอนาคตไม่ใช่การเลือกระหว่าง “คิดเป็น” หรือ “ทำงานได้” แต่ต้องตอบโจทย์ทั้งสองพร้อมกัน 

มหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ 21: พันธกิจที่ต้องชัดในโลกไม่แน่นอน

เมื่อพิจารณาทุกประเด็นร่วมกัน คำถามสุดท้ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ในวันนี้มหาวิทยาลัยมีไว้เพื่ออะไร คำตอบจากเวทีนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การผลิตบัณฑิตหรือการสร้างงานวิจัยเท่านั้น หากแต่ชี้ไปสู่พันธกิจสี่มิติ ได้แก่ การสร้างองค์ความรู้เพื่อสาธารณะ การพัฒนาพลเมืองประชาธิปไตย การเปิดโอกาสทางสังคมอย่างเป็นธรรม และการช่วยให้คนรุ่นใหม่ค้นหาความหมายของชีวิตและการงานในโลกที่ผันผวน

ความท้าทายสำคัญคือ วิกฤตศรัทธาในอุดมศึกษาไม่อาจแก้ได้ด้วยการสื่อสารหรือภาพลักษณ์ แต่ต้องอาศัยการปรับตัวเชิงโครงสร้าง การยึดมั่นในพันธกิจระยะยาว และความกล้าที่จะฟังคำวิจารณ์อย่างจริงใจ สำหรับผู้บริหารและ ผู้กำกับนโยบาย การเตรียมพร้อมเพื่ออนาคตไม่ใช่เพียงการรับมือกับเทคโนโลยีใหม่หรือแรงกดดันทางการเมือง หากแต่เป็นการกำหนดทิศทางว่า มหาวิทยาลัยจะยังคงเป็นสถาบันแห่งความหวัง โอกาส และปัญญาของสังคมได้อย่างไรในศตวรรษที่ไม่แน่นอนนี้