มองผ่านข้อมูล

ตัวตนคนใช้ AI

แชร์ข่าว

รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังแทรกซึมเข้ามาสู่ชีวิตและการทำงานของเราอย่างรวดเร็วและลึกซึ้งเกินกว่าที่เคยคาดการณ์ AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือช่วยงานอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ฝังแน่นในทุกกระบวนการของสถาบันการศึกษา ห้องสมุด และแวดวงวิชาการ สิ่งนี้นำไปสู่คำถามสำคัญว่า "ผู้ที่ใช้ AI คือใคร" และ "อัตลักษณ์ของผู้ใช้เหล่านี้ถูกกำหนดโดยปัจจัยใด"

เพื่อตอบคำถามข้างต้น มหาวิทยาลัยสวนดุสิตร่วมกับบริษัท iGroup (Asia Pacific) Limited และบริษัท บุ๊คโปรโมชั่น แอนด์ เซอร์วิส จำกัด จัดงานสัมมนาวิชาการ "AI Roadmap for Libraries and Research" เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในหลากหลายมิติ ทั้งการประยุกต์ใช้ Knowledge Management

การบริหารจัดการห้องสมุดด้วย AI การใช้ AI ในงานวิจัย รวมถึงแนวปฏิบัติที่เหมาะสมต่อจริยธรรมทางวิชาการ งานสัมมนาจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ณ อาคารรักตะกนิษฐ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

"ตัวตนของผู้ใช้ AI" ที่นำเสนอในงานสัมมนาวิชาการนี้ มองผู้ใช้เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มอาจารย์ กลุ่มบรรณารักษ์และนักสารสนเทศ และกลุ่มนักวิจัย ซึ่งแต่ละกลุ่มแสดงให้เห็นถึงภาพของผู้ใช้ AI ใน 4 บทบาทหลักที่แต่ละกลุ่มจะมีบทบาทหรือหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต่างกัน แต่ทุกบทบาทมีเป้าหมายร่วมเดียวกันคือ การนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ มีความโปร่งใส คำนึงถึงความเป็นส่วนตัว ความเสมอภาค ความปลอดภัยของข้อมูล และความซื่อสัตย์ทางวิชาการ โดยทุกคนต้องตระหนักว่า AI อาจมีอคติ คาดเดาผิด หรือสร้างผลลัพธ์ที่ตรวจสอบไม่ได้ ผู้ใช้ต้องรู้เท่าทัน AI เพื่อป้องกันไม่ให้ AI กลายเป็นภัยคุกคามแทนคุณค่าและประโยชน์ที่จะได้รับ

กลุ่มแรก ‘ผู้บริหาร’ ผู้มีหน้าที่กำหนดทิศทาง ออกแบบนโยบาย และบริหารความเสี่ยงขององค์กรในยุคที่ AI กลายเป็นกลไกสำคัญของการตัดสินใจ ผู้บริหารใช้ AI เพื่อความสะดวก ใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลในระดับองค์รวมตั้งแต่ระบบ Dashboard เชิงพยากรณ์ไปจนถึงทะเบียนความเสี่ยงของ AI ตามกรอบ NIST AI Risk Management Framework ตลอดจนยึดถือหลัก OECD AI Principles ที่เน้นความปลอดภัย ความโปร่งใส และความรับผิดชอบ โดยทั้งหมดนี้ทำให้ผู้บริหารต้องปรับตัวและพัฒนาทักษะใหม่ที่มากกว่าเดิม ทั้งความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ผลกระทบของเทคโนโลยี และรู้จักอนุรักษ์ความเสมอภาคและสิทธิผู้ใช้ในเวลาเดียวกัน

กลุ่มที่สอง ‘อาจารย์’ ต้องรับมือกับ AI ในฐานะเครื่องมือเสริมพลังด้านการเรียนรู้ ใช้ AI เพื่อสร้างบทเรียน ร่างข้อสอบ หรือให้ฟีดแบ็กแก่ผู้เรียนตามแนวทางของ UNESCO ทำให้บทบาทของผู้สอนต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด อาจารย์เป็นทั้ง

ผู้ถ่ายทอดเนื้อหา วางกรอบการใช้ AI สำหรับนักศึกษาให้เหมาะสม รู้เท่าทันอคติของข้อมูลที่เครื่องมือเหล่านี้สร้างขึ้น และสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เท่าเทียม และเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ อาจารย์ต้องเสริมความรู้ด้าน

AI Literacy แก่ผู้เรียน เพื่อให้สามารถคิดวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้จาก AI และใช้เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ โดยตระหนักว่า AI ไม่ใช่สิ่งแทนความรับผิดชอบหรือความพยายามของมนุษย์

ขณะเดียวกัน ‘บรรณารักษ์และนักสารสนเทศ’ ต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มข้นที่สุด เพราะ AI เข้ามาอยู่ในหัวใจของงานสืบค้นข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการแปล การสรุป หรือการแนะนำทรัพยากร แม้ระบบสรุปอัตโนมัติและ Chatbot จะช่วยให้บริการรวดเร็วขึ้น แต่ก็เพิ่มภาระเรื่องความถูกต้องและความปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้นด้วย IFLA และ ARL ชี้ว่าบรรณารักษ์ยุคใหม่ต้องเป็น “ผู้นำด้าน AI Literacy” ไม่ใช่แค่ผู้จัดการฐานข้อมูล แต่ต้องเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่ทั้งนักศึกษา อาจารย์ และนักวิจัยเกี่ยวกับการใช้ AI อย่างรอบคอบ พร้อมทั้งออกแบบบริการและหลักสูตรสืบค้นข้อมูลที่สอดคล้องกับโลกของ GenAI

ซึ่งข้อมูลเคลื่อนไหวรวดเร็วและผันผวนมากกว่าที่ผ่านมา

กลุ่มสุดท้าย ‘นักวิจัย’ เป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่ซึ่ง AI มีศักยภาพมากที่สุดและมีข้อจำกัดมากที่สุด เพราะต้องการใช้เครื่องมือด้านการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP - Natural Language Processing) สถิติ หรือระบบสร้างข้อความเพื่อช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น แต่ก็เปิดช่องให้เกิดความเสี่ยงด้านจริยธรรมและความโปร่งใสอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ COPE (The Committee on Publication Ethics) รวมถึง NIH (National Institutes of Health) และ NSF (National Science Foundation) จึงกำหนดแนวปฏิบัติอย่างเข้มงวด เช่น ห้ามใช้ AI เป็นผู้แต่ง ห้ามใช้ GenAI ในกระบวนการ Peer Review และต้องเปิดเผยการใช้ AI ในบทความอย่างชัดเจนเพื่อรักษามาตรฐานวิชาการ นักวิจัยต้องเป็นผู้ที่ใช้ AI อย่างระมัดระวังมากที่สุด เพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะนำไปสู่ความเสียหายทั้งต่อความน่าเชื่อถือส่วนบุคคลและต่อคุณธรรมของระบบวิจัย

“ตัวตนคนใช้ AI เชื่อมโยงกับความเข้าใจ ความรับผิดชอบ และความตั้งใจที่จะใช้เทคโนโลยี AI เพื่อสร้างประโยชน์ให้ส่วนรวม โลกกำลังเดินหน้าไปไกล AI ยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงการตามให้ทันเทคโนโลยี แต่คือการรู้จักกำกับตนเองในการใช้ AI ให้ถูกต้อง ระมัดระวัง มีสติ เที่ยงธรรม และสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เช่นนี้ทุกคนก็จะอยู่ร่วมกับ AI ได้อย่างสร้างสรรค์ มีพลังร่วมกันขับเคลื่อนคุณภาพงานวิจัย การเรียนรู้ และการบริการอย่างก้าวกระโดด พร้อมผลักดันสังคมการศึกษาให้ก้าวไปสู่อนาคตที่มีคุณภาพและจริยธรรมอย่างยั่งยืน ท่านผู้อ่านคิดเห็นประการใดบ้าง สะท้อนสู่กันฟังด้วยครับ...

#AI #ตัวตนคนใช้AI #AIinEducation #AIสำหรับการศึกษา #AIEthics #AILiteracy #ห้องสมุดดิจิทัล #วิจัยยุคใหม่ #มหาวิทยาลัยสวนดุสิต #SuanDusitUniversity #ArtificialIntelligence #ResponsibleAI

ข่าวแนะนำ