ในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี บรรยากาศรอบตัวเรามักจะถูกย้อมด้วยสีแดง เขียว และแสงไฟระยิบระยับ แม้เมืองไทยจะเป็นเมืองพุทธและมีอากาศร้อน แต่ "วันคริสต์มาส" ก็ได้กลายเป็นเทศกาลแห่งความสุขที่คนไทยเข้าถึงได้ง่าย ผ่านการประดับตกแต่งห้างสรรพสินค้าที่อลังการระดับโลก หรือการเป็นพื้นที่แห่งการสังสรรค์ส่งท้ายปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการปรับตัวและโอบรับความรื่นเริงของคนไทยได้อย่างน่ารัก
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ เรามักเห็นการ "จัดเต็ม" ในการตกแต่งบ้านเพื่อเฉลิมฉลอง บางบ้านทุ่มงบประมาณหลักหมื่นหลักแสนเพื่อสร้างบรรยากาศที่สวยงามราวกับหลุดออกมาจากดินแดนซานตาคลอส ภาพเหล่านี้อาจกลายเป็นดาบสองคมที่สร้างความเพลิดเพลินตา แต่ในขณะเดียวกันก็อาจสร้าง "ความกดดันทางสังคม" ให้กับผู้เสพสื่อที่รู้สึกว่าตนเองไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอจะทำเช่นนั้น จนเกิดการเปรียบเทียบและบั่นทอนความสุขในใจไปอย่างน่าเสียดาย
การรู้เท่าทันสื่อจึงเป็นทักษะสำคัญในการเฉลิมฉลองยุคดิจิทัล เราต้องตระหนักว่าภาพที่เห็นเป็นเพียง "ส่วนเสี้ยวที่สวยที่สุด" ที่เจ้าของเลือกมานำเสนอ ซึ่งความสุขที่แท้จริงของคริสต์มาสไม่ได้วัดกันที่ความสูงของต้นไม้ ขนาดของตุ๊กตาซานตาคลอส หรือไฟประดับ แต่หัวใจสำคัญคือ "ความอบอุ่นในใจ" และการได้ใช้เวลาคุณภาพกับคนใกล้ชิด
การสร้างบรรยากาศคริสต์มาสในแบบฉบับที่พอดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ของ DIY จากวัสดุเหลือใช้ การจุดเทียนหอมสักเล่ม หรือการจัดมุมเล็กๆ ด้วยของสะสมที่มีอยู่ ก็สามารถส่งผ่านจิตวิญญาณแห่งการเฉลิมฉลองได้ดีไม่แพ้กัน เพราะท้ายที่สุดแล้ว คริสต์มาสควรเป็นฤดูกาลที่ทำให้เรา "ใจฟู" ไม่ใช่วันที่ทำให้เราต้องมาแบกรับภาระทางการเงินหรือความน้อยเนื้อต่ำใจจากการเปรียบเทียบชีวิตกับใครในหน้าจอมือถือ







