จากวาทกรรม “มีทหารไว้ทำไม” พอเกิดศึกปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ประชาชนสวนใหญ่ให้กำลังใจและชื่นชมปฏิยัติการของกองทัพ ก็เริ่มมีวาทกรรมด้อยค่าทหารอีกว่า “ทหารกินเงินภาษีประชาชน” หรือ “ทหารเคยเสียภาษีไหม?”
การตั้งคำถามหรือวาทกรรมเช่นนี้ ก็เพื่อไม่ให้ประชาชนชื่นชมหรือชื่นชอบทหาร หรือซาบซึ้งในบุญคุณของทหาร สื่อนัยว่าประชาชนเป็นเจ้าของเงินภาษีที่ทหารมีกินมีใช้อยู่นั่นแหละ กระทั่งบิดเบือนหรือชี้นำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนว่าทหารไม่เสียภาษี เพราะต้องการจะสร้างชุดความคิดหรือความเชื่อว่าทหารมีสิทธิพิเศษ ไม่ต้องเสียภาษี ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ในโลกยุคดิจิทัลสามารถเสิร์ชหาข้อมูลด้วยอินเทอร์เน็ตได้ชัดเจนตามหลักกฎหมายคือ "ทหารมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป" โดยไม่มีข้อยกเว้นในฐานะอาชีพตามประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากร
เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของทหาร ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) ซึ่งหมายถึงเงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ดังนั้นทหารทุกคนจึงมีสถานะเป็น "ผู้มีเงินได้" ที่ต้องนำรายได้มาคำนวณภาษีตามรอบปีภาษี ซึ่งขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือน ยศ และตำแหน่ง
สำหรับการหักภาษี ณ ที่จ่าย กรมการเงินของแต่ละเหล่าทัพ (บก, เรือ, อากาศ) จะทำการคำนวณภาษีและหักเงินจากฐานเงินเดือนในทุกๆ เดือน เพื่อนำส่งกรมสรรพากรโดยตรง ทหารมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 หรือ 91 ในช่วงต้นปี เพื่อสรุปยอดรายได้และค่าลดหย่อนต่างๆ หากยอดภาษีที่ถูกหักไปเกินกว่าที่ต้องจ่ายจริง ก็สามารถขอคืนภาษีได้ตามปกติ
ส่วนเหตุผลที่ทำไมถึงมีความเข้าใจผิดว่าทหารไม่ต้องเสียภาษี สาเหตุก็มาจากเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ ทหารชั้นผู้น้อยหรือพลทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) มักมีรายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้วไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่กฎหมายยกเว้นภาษีให้พอดี ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่ต้องควักเงินจ่ายภาษีเพิ่ม แต่ในทางธุรการพวกเขาก็ยังอยู่ในระบบภาษีเช่นเดิม
นอกจากนี้ยังมีเงินได้ที่ได้รับยกเว้นตามกฎหมาย ซึ่งมีเงินบางประเภทที่ทหารได้รับและ "ไม่นำมาคำนวณภาษี" ตามมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร เช่น เงินเบี้ยเลี้ยง (ที่ใช้ในการปฏิบัติงานจริง) เงินค่าพาหนะ หรือเงินเพิ่มพิเศษบางประการที่เป็นไปเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกฎหมายมองว่าเป็นสวัสดิการเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ใช่รายได้ส่วนบุคคล
แน่นอนว่าทหารสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพื่อบริหารจัดการภาษีได้เหมือนคนไทยทุกคน เงินเดือนของทหารทุกบาททุกสตางค์ล้วนถูกตรวจสอบและจัดเก็บภาษีเงินได้ภายใต้มาตรฐานเดียวกับประชาชนทุกคน อีกสาเหตุที่สำคัญที่เกิดความเข้าใจผิด หรือความพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้น คือเหตุผลทางการเมือง
เมื่อมีอคติทางการเมืองบังตา แม้จะมีข้อมูลที่ถูกต้องก็ไม่เปิดรับข้อมูลนั้น การตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพการทำงานของกองทัพสามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ควรด้อยค่าด้วยความเชื่อผิดๆ







