การกำหนดให้การประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ วาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 ซึ่งวันแรกตรงกับ "วันรัฐธรรมนูญ" นั้น ไม่ใช่เพียงการกำหนดวันตามปฏิทิน แต่สะท้อนถึงพลวัตและความขัดแย้งเชิงโครงสร้างทางการเมืองไทยได้อย่างลึกซึ้ง
การใช้ "วันรัฐธรรมนูญ" (10 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันประกาศเจตนารมณ์ประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรก เป็นวันเริ่มต้นการ "แก้ไข" รัฐธรรมนูญที่มาจากคณะรัฐประหาร สะท้อนความพยายามในการ "สถาปนาความชอบธรรมใหม่" ให้กับกระบวนการทางการเมืองที่ต้องการนำพาประเทศกลับสู่ระบอบปกติ
การกำหนดไทม์ไลน์ให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี 2568 บ่งชี้ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้เป็น "วาระแห่งชาติ" ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน การใช้สมัยวิสามัญเป็นการเดินเกมที่ต้องการลดแรงเสียดทานและจำกัดเวลาในการต่อรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มอำนาจที่อาจไม่ประสงค์ให้เกิดการแก้ไข
กระนั้นแม้การแก้ไขจะเป็นไปตามกระบวนการ แต่แก่นแท้ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังคงเป็นเครื่องมือของ "อำนาจสถาปนา" ที่ถูกจัดสรรไว้แล้ว การพิจารณาจึงอาจเป็นเพียงพิธีกรรมที่ถูกควบคุมทิศทางไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงระดับ "เปลือกนอก" โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของชนชั้นนำ
แทนที่จะเร่งรัดให้เสร็จสิ้นตามกำหนด ควรใช้ช่วงเวลาดังกล่าวสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งระหว่างพรรคการเมือง องค์กรอิสระ และภาคประชาชน เพื่อให้การแก้ไขครั้งนี้เป็น "การประนีประนอมครั้งประวัติศาสตร์" ที่นำมาซึ่งกฎกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การผลักดันอำนาจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่หลักการประชาธิปไตยที่แท้จริง
#วันรัฐธรรมนูญ #แก้รัฐธรรมนูญ68 #การเมืองไทย #อำนาจสถาปนา #วาระแห่งชาติ #การประนีประนอมครั้งประวัติศาสตร์ #10ธันวา #รัฐสภา #พลวัตการเมือง








