พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการ "น้ำ" ทั้งในยามน้ำแล้งและน้ำหลาก ทรงพระราชทานแนวทางและทฤษฎีต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน โดยเน้นหลักการที่สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและวิถีชีวิตของประชาชน แนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของพระองค์ท่านมีความหลากหลายและบูรณาการ โดยหลักการสำคัญมีดังนี้
โครงการแก้มลิงเป็นแนวคิดสำคัญที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการที่ลิงเก็บอาหารไว้ในกระพุ้งแก้ม เปรียบเสมือนการสร้าง "บ่อพักน้ำ" หรือ "พื้นที่รับน้ำนอง" ขนาดใหญ่ในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อรับน้ำฝนหรือน้ำเหนือที่ไหลบ่ามาอย่างรวดเร็วในช่วงน้ำหลาก ก่อนจะค่อย ๆ ระบายออกสู่ลำน้ำหรือทะเลเมื่อระดับน้ำลดลง เพื่อบรรเทาความเสียหายในเขตชุมชนและเศรษฐกิจ
การบริหารจัดการน้ำในลำน้ำ ทรงเน้นการปรับปรุงและตกแต่งสภาพลำน้ำให้สามารถระบายน้ำได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น เช่น การขุดลอกลำน้ำที่ตื้นเขิน และกำจัดวัชพืช ผักตบชวา สิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้น้ำไหลได้คล่องตัว การขุดคลองลัดหรือคลองผันน้ำใหม่ ในกรณีที่ลำน้ำเดิมคดโค้งมาก เพื่อเร่งการระบายน้ำออกสู่ทะเลหรือแหล่งน้ำปลายทาง
การสร้างคันกั้นน้ำ และทางผันน้ำ เพื่อควบคุมทิศทางการไหลของน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่สำคัญ
การสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ ทรงมีพระราชดำริให้สร้างเขื่อนขนาดใหญ่ (เช่น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) และเขื่อนขนาดเล็กเช็คแดม เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และทำหน้าที่ลดความรุนแรงของกระแสน้ำหลากในฤดูฝน โดยการทยอยระบายน้ำออกอย่างเหมาะสม
พระราชดำริเหล่านี้มุ่งเน้นการจัดการ "น้ำท่วม" ให้เป็น "น้ำท่า" คือการเปลี่ยนน้ำที่เคยเป็นภัยพิบัติให้กลายเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ในช่วงภัยแล้ง สร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรมและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
นอกจากนี้ยังทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการ มีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วนและการทำงานอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ นับเป็นภูมิปัญญาในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ยั่งยืนและเป็นแบบอย่างที่ทั่วโลกยอมรับ
#ในหลวงรัชกาลที่9 #แก้ปัญหาน้ำท่วม #แก้มลิง #ศาสตร์พระราชา #บริหารจัดการน้ำ #ภูมิปัญญาไทย








