ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย หากเอ่ยถึงพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของ “ความหวัง” และ “คุณธรรม” ที่ชัดเจนที่สุด “พรรคพลังธรรม” คือชื่อแรกที่ต้องถูกบันทึกไว้
พรรคพลังธรรมก่อตั้งขึ้นในปี 2531 โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ซึ่งก้าวเข้ามาในเส้นทางการเมืองด้วยภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากนักการเมืองทั่วไป ด้วยบุคลิกผู้นำสมถะ สวมเสื้อม่อฮ่อม และกินมังสวิรัติ จนเกิดปรากฏการณ์ “จำลองฟีเวอร์” กวาดที่นั่ง สส. กรุงเทพฯ ได้อย่างถล่มทลาย ในการเลือกตั้งต้นปี 2535 ก่อนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
แต่แล้วทำไมพรรคที่มีต้นทุนศรัทธาสูงที่สุดพรรคหนึ่ง จึงไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ?
1. จุดแข็งที่กลายเป็นจุดตาย
รากฐานของพรรคพลังธรรมคือกลุ่ม “สันติอโศก” ซึ่งมีวินัยทางศีลธรรมที่เคร่งครัด ในช่วงแรกสิ่งนี้คือจุดแข็งที่ทำให้ชนชั้นกลางไว้วางใจ แต่เมื่อเข้าสู่ระบบรัฐสภาที่ต้องอาศัยการประนีประนอม ความเคร่งครัดนี้กลับทำให้การขับเคลื่อนทางการเมืองเป็นไปอย่างยากลำบาก
พรรคพลังธรรมในยุคที่ “พล.ต.จำลอง ยังเป็นผู้นำ มีลักษณะ “ยอมหักไม่ยอมงอ” ทำให้ถูกมองว่าเป็นพรรคที่ร่วมงานด้วยยาก และไม่มีความยืดหยุ่นทางการเมือง ซึ่งขัดแย้งกับธรรมชาติของการบริหารประเทศที่ซับซ้อน
2. เหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” ปี 2535
อีกจุดเปลี่ยนสำคัญคือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พล.ต.จำลอง เป็นหนึ่งในแกนนำมวลชนต่อต้านรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร แม้ต่อมา พล.อ.สุจินดา จะยอมลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และเหตุการณ์จบลงด้วยชัยชนะของประชาชน แต่ความนิยมที่มีต่อ พล.ต. จำลอง ก็พุ่งสูงในช่วงแรกๆ เท่านั้น ต่อมาเมื่อคะแนนนิยมลดลงเรื่อยๆ ก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพรรคพลังธรรม ที่ยึดติดกับ “ตัวบุคคล” เพราะเมื่อผู้นำเสื่อมมนต์ขลัง พรรคก็สั่นคลอนตามไปด้วย
3. การทดลองที่ล้มเหลว: “ทักษิณ” กับ “สายวัด”
เพื่อกู้วิกฤตศรัทธา พล.ต.จำลอง ได้ชักนำ ทักษิณ ชินวัตร ให้เข้ามาในวงการการเมือง ก่อนผลักดันขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรมในปี 2538 หวังใช้ภาพลักษณ์ CEO ที่ประสบความสำเร็จเรียกคะแนนนิยม แต่กลับเกิดความขัดแย้งเชิงโครงสร้างอย่างรุนแรงระหว่าง 2 ขั้ว
- สายวัด (กลุ่มศาสนา) : ยึดมั่นในอุดมการณ์
- สายนักบริหาร (กลุ่มทักษิณ/สุดารัตน์) : ยึดถือผลสำเร็จ ต้องการความคล่องตัวแบบธุรกิจ
ทักษิณพบว่า การบริหารพรรคการเมืองภายใต้เงาของกลุ่มศาสนานั้น ขยับตัวลำบาก การพยายามผสมผสานศีลธรรมสุดโต่งเข้ากับทุนนิยมเสรี จึงเป็นสมการที่เป็นไปไม่ได้ ในบริบทของพรรคพลังธรรม
4. ถอดบทเรียนจาก “พรรคพลังธรรม” ก่อกำเนิด “พรรคไทยรักไทย”
เมื่อพรรคพลังธรรมไปต่อไม่ได้ ทักษิณและกลุ่มนักบริหารจึงแยกตัวออกไปตั้ง “พรรคไทยรักไทย” โดยนำบทเรียนความล้มเหลวของพลังธรรมไปปรับใช้ ดังนี้
(1) ดึงคนเก่ง : นำบุคลากรคุณภาพจากพรรคพลังธรรมไปด้วย เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นต้น
(2) ทิ้งกรอบศีลธรรม: ตัดกลุ่ม “สายวัด” ทิ้ง เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น รับนักการเมืองบ้านใหญ่เข้าพรรคเพื่อชัยชนะในการเลือกตั้ง
(3) เปลี่ยนจุดขาย: จากขาย “คนดี” มาเป็นขาย “นโยบายที่จับต้องได้” อาทิเช่น 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นต้น
ซึ่งพรรค “ไทยรักไทย” ในวันนั้น ก็คือ “พรรคพลังประชาชน” ในเวลาต่อมา และก็คือ “พรรคเพื่อไทย” ในวันนี้
แม้พรรคพลังธรรมจะยุติบทบาททางการเมืองไปแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า พรรคดังกล่าวเปรียบเสมือน “โรงเรียนการเมือง” ที่บ่มเพาะบุคลากรและสร้างบทเรียนสำคัญมากมาย เป็นพรรคที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจดี แม้จะไม่สามารถยืนระยะได้อย่างยาวนาน แต่ก็ถือว่าได้สร้างตำนานให้เป็นที่จดจำ…ในหน้าประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย
บทความโดย ศราวุธ เอี่ยมเซี่ยม
#พรรคพลังธรรม #การเมืองไทย #พฤษภาทมิฬ2535 #จำลองศรีเมือง #บทเรียนการเมือง #ประวัติศาสตร์การเมือง








