ผู้การวิศรุฒน์
หลังจากที่ถูกกระแนะกระแหน ปรามาส ดูถูกที่ไม่ยอมรบกับทหารกัมพูชา อย่างหนัก ในห้วงก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ สงขลา ทั้งๆ ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขาขาด ตั้งแต่ 10 พ.ย.2568 แล้ว
เมื่อสถานการณ์น้ำท่วม คลี่คลาย คาดว่า กระแสกดดันให้ รัฐบาลและกองทัพ เปิดการสู้รบกับทหารกัมพูชา จะกลับมารุนแรง อีกครั้ง เนื่องจาก ทหารกัมพูชา ยังคงยั่วยุ และหลบหลู่ดูหมิ่นทหารไทย อย่างไม่เกรงกลัว ทั้งการรื้อรั้วลวดหนาม ขโมยลวดหนาม และ ตัดไม้กั้นเขต ของทหารไทย
หรือแม้แต่การบิดเบือนข้อเท็จจริง ในการชี้แจง กับคณะ ผู้สังเกตการณ์อาเซียน( AOT) และองค์กรนานาชาติ ในเรื่องต่างๆ เช่นกันใส่ร้ายว่าทหารไทยเป็นฝ่ายยิงใส่ทหารกัมพูชาและพลเรือนชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้วสระแก้วก่อน ทั้งทั้งที่ความเป็นจริงทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยมาก่อน
หรือการปฏิเสธว่า ทุ่นระเบิดที่ ทหารไทยเหยียบ จนขาขาด เป็นรายที่ 7 ที่ห้วยตามาเรีย ศรีสะเกษ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดวางใหม่ แบบที่ไทยกล่าวหา ว่าเขมรวางใหม่ แต่เป็นทุ่นระเบิดเก่า ประกอบกับ ตอนนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์ กระสุน พร้อมแล้ว ส่วนกำลังพลนั้น พร้อมนานแล้ว
ขณะที่ รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย อาจจะต้อง เรียกคะแนนนิยมกลับคืนมา จากที่ถูกโจมตีอย่างหนัก จากเหตุการณ์น้ำท่วมสงขลา ครั้งใหญ่ ที่มีผู้เสียชีวิต ถึง 145 ราย และถูกวิจารณ์ว่า ล้มเหลวในการแก้ปัญหา
เช่นเดียวกับกองทัพ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในห้วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกองทัพบก และ ตัว “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ที่ยังไม่สั่งรบ ทั้งๆที่ ทหารเสียขาไป 7 ข้าง แล้ว
กองทัพเอง ก็จำต้องเรียกความศรัทธา และคะแนนนิยมกลับมาสู่กองทัพ เช่นกันิเพราะแม้แต่ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผบ.ทบ. และอดีตแม่ทัพภาค 2 ที่คะแนนความนิยมลดลง หลังจากที่ข้อมูลในพื้นที่ถูกเปิดเผย ออกมาเป็นระลอกถึงการสูญเสียพื้นที่ หรือสูญเสียดินแดนที่เป็นของไทยให้กับทหารกัมพูชา เช่น ปราสาทคนา จ.สุรินทร์ และ เนิน 741 เนิน 745 ที่ช่องบก
จนทำให้สิ่งที่กองทัพบก เคยเคลมว่าชนะและยึดพื้นที่ได้ถึง 11 จุด ถูกตั้งคำถาม ว่ามีบางจุดที่ไม่เป็นความจริง และ ยังคงมีการปกปิดข้อมูล และยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการว่ามีจุดไหนบ้างที่กองทัพบกยึดไว้ได้หรือรักษาไว้ได้ และมีจุดใดบ้างที่ ทหารกัมพูชาสามารถยึดไปได้ นอกจาก ปราสาทตาควาย และช่องอานม้า
ดังนั้น รัฐบาลและกองทัพจึงมี จุดประสงค์ร่วมกัน ในการเรียกคะแนนนิยมกลับคืนมา แล้ววิธีการนั้นก็คือ การสู้รบกับกัมพูชาอีกรอบ แม้ว่าจะเสี่ยงกับการสูญเสียชีวิตทหารมากกว่าเดิม ก็ตาม
เพราะเป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีของทหารไทยและคนไทยทั้งประเทศที่ถูกทหารกัมพูชาและประชาชนกัมพูชา ลบหลู่ดูหมิ่นมานาน
กระแสข่าวนี้สะพัดหลังจากมีรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และ พล.อ.พนา ได้มีการพบปะพูดคุยและร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ต่างๆรวมทั้งสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา และแผนป้องกันประเทศแผนการสู้รบ หากเกิดปัญหาถึงขั้นต้องมีการใช้กำลังทางทหารกันเกิดขึ้น
โดยมีรายงานว่า นายอนุทิน ไฟเขียวให้ฝ่ายกองทัพ ในการปฏิบัติการทางทหาร โดยรัฐบาลพร้อมเป็นฝ่ายสนับสนุน ในทุกด้าน ขณะที่ ทาง ทบ. ก็แสดงถึงความพร้อมรบ แต่อาจจะต้องรอ ดูสถานการณ์ และรอดูว่าฝ่ายทหารกัมพูชา จะเป็นฝ่ายเปิดฉาก ก่อน หรือไม่
เพราะกองทัพ ยังติดกับดัก เดิมคือการเป็นประเทศที่ใหญ่กว่าไม่สามารถเปิดเกมก่อน เพราะจะถูกมองว่า รังแกประเทศเล็กกว่า
ดังนั้น จึงมีแนวโน้มว่าเมื่อสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้คลี่คลายลง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะกลับมาร้อนระอุ ตามเดิมิและหากครั้งนี้รัฐบาล และกองทัพไม่รบ ก็จะถูกโจมตีอย่างหนักและเสียคะแนนนิยม
จะเห็นได้ว่าในห้วงที่ผ่านมามักมีกระแสข่าวหนึ่งระบุว่า นายอนุทินไฟเขียวให้รบ แล้ว แม้แต่ “บิ๊กหยอย” พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้บัญชาการทางทหาร (คบท.) ที่ ก็เตรียมพร้อมแล้ว รวมถึงกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ที่ มีความพร้อมสูงสุด โดยจะเห็นได้ว่าในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ และประชุมสภากลาโหม ครั้งล่าสุด ได้มีการสั่งการให้เหล่าทัพ เตรียมความพร้อมรบขั้นสูงสุด
แต่กลับมีกระแสข่าววาา กองทัพบก ที่ยังไม่พร้อมรบ ด้วยหลายเหตุผลิซึ่งแน่นอนว่า กระแสข่าวนี้ไม่ได้ส่งผลดี ต่อ กองทัพบก โดยเฉพาะ พล.อ.พนา เลย แต่จะเป็นกระแสข่าวที่ช่วยซึมซับแรงกดดันหรือวิพากษ์วิจารณ์ที่ตัวนายอนุทินให้ลดลงไปได้
ดังนั้นจึงยิ่งเป็นความจำเป็นที่ฝ่ายทหารอาจต้องใช้การรบในรอบที่สอง เป็นทางออกในการแก้ปัญหาเรื่องคะแนนความนิยมและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ประการสำคัญที่สุดคือการกอบกู้ศักดิ์ศรีของทหารไทยและประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม หากอาจจะต้องสู้รบ ต้องพร้อมมากกว่า 100% และต้องพร้อมสำหรับการสู้รบที่ยาวนานกว่า และรุนแรงกว่าเดิม ที่สำคัญต้องชนะและสูญเสียให้น้อยที่สุด
เพราะไม่ฉะนั้นแล้ว ทั้งรัฐบาล และกองทัพ อาจประสบต่อการเกิด วิกฤติศรัทธา ครั้งใหญ่ เกิดขึ้น โดยเฉพาะหาก ไม่สามารถ ยึดปราสาท คนา ปราสาทตาตวาย กลับคืนมาได้ และโดยเฉพาะ ไม่สามารถรักษา ปราสาทตาเมือนธม หรือ ภูมะเขือ ไว้ได้
#ชายแดนไทยกัมพูชา #ความมั่นคงไทย #กองทัพบก #วิกฤติชายแดน #รัฐบาลอนุทิน #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์การเมือง #รบรอบสอง #ศึกชายแดน #ทหารไทย #ข่าวด่วน #สถานการณ์ไทย







