บันเทิง

“เซียนหรั่ง” เปิดใจวันที่ไม่ไหว เหตุทำงานหนักสะสม เล่าวีรกรรมเมาตกเวที-หลับคาไฟแดง ชีวิตจริงยิ่งกว่าคอนเทนต์

แชร์ข่าว

จากคอนเทนต์บ้าน ๆ ที่ทำให้คนทั้งประเทศหัวเราะ! วันนี้ “เซียนหรั่ง” ขอเปิดอีกมุมที่ไม่ค่อยพูด ในรายการ “เบิ้ล AM” ทั้งความภูมิใจที่ได้ทำสิ่งที่รักจนกลายเป็นกำไรชีวิต และเรื่องรักพังเพราะใกล้กันเกินไปจนลืมให้กำลังใจกัน พร้อมเล่าเบื้องหลังชีวิตทำงานหนักแบบไม่มีวันพัก และวีรกรรมเมาแบบหลุดโลก

รู้สึกยังไงในช่วงปีที่ผ่านมากับกระแสไวรัลรายการของ เซียนหรั่ง ?

เซียนหรั่ง : ต้องแบ่งเป็น 2 ความรู้สึกครับ ความรู้สึกแรกคือภูมิใจในรายการมาก ๆ แล้วก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมทุกครั้ง ยังรู้สึกสนุกทุกครั้งที่แบบได้ถ่ายรายการอะไรแบบนี้ เพราะเป้าหมายแรกที่เราอยากทำอยู่แล้ว คือเราอยากใช้ชีวิตแบบบ้าน ๆ เขาบอกว่าถ้าเกิดเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก แล้วสิ่งที่เรารักดันเป็นงานด้วย อันนี้คือเหมือนแทบจะเป็นกำไรอยู่แล้ว เราก็รู้สึกว่าดีใจแล้วก็ภูมิใจกับรายการมาก ๆ แบบที่ 2 คือความรู้สึกแบบส่วนตัว

อะไรคือเสน่ห์ของวิถีรากเหง้า ความเป็นแก่นแท้หัวใจของ เซียนหรั่ง ?

เซียนหรั่ง : มันน่ารัก วิถีอีสานมันน่ารักอยู่แล้ว รู้สึกว่ามันเข้าถึงง่าย ไม่ใช่แค่สมัยก่อนนะ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ต่อให้เราเป็นใครก็ตาม ถ้าเราอยู่ในพื้นที่เขตอีสาน คนอื่นสามารถเรียกเราไปกินข้าวได้ โดยที่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นคนอื่นเลย แทบจะเป็นกันทุกหลังอยู่แล้ว

เวลาที่ได้ต้อนรับ แบมแบม มาริโอ้ ศิลปินเบอร์ใหญ่ ๆ รู้สึกเกร็งไหมทำงานกับพวกเขา ?

เซียนหรั่ง : เกร็ง ตอนแรกกลัว กลัวว่าเขาจะไม่สนุก กลัวว่าเขาจะไม่ประทับใจ กลัวว่าเราจะทำอะไรแบบไม่ดีออกไป แต่พอมาคิดไปคิดมาแล้ว ถ้าเราทำตัวน่ารัก แล้วก็ทำให้เขาสนุกอยู่บนพื้นฐานความสนุกอยู่แล้ว เขาก็น่าจะสนุกตาม ก็เลยคลายความเกร็งไปอีกนิดหนึ่ง

ถ้าคุณเลือกดารานักแสดงฮอลลีวูด 1 คน มารายการเซียนหรั่งได้อยากให้ใครมา ?

เซียนหรั่ง : คิดว่าแบบ The Rock ถ้ามารายการน่าจะสนุก จิม แคร์รี อะไรอย่างนี้ เอามาหลุด ๆ อยู่เขตอีสาน

แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ถึงไม่ได้แต่งงาน ?

เซียนหรั่ง : เราเป็นคนผิด เอาปัญหาหลักก่อนนะ เราไม่พูดถึงปัญหารอง ปัญหาหลักคือมันใกล้กันจนมันดูแคลน พอมันทำงานด้วยกันมาก ๆ ใกล้กันเกินจนมันเริ่มไม่ค่อยเกรงใจกัน ก็เริ่มพูดคำไม่ดีออกไป แล้วก็ลืมคำว่าขอโทษ ลืมให้กำลังใจกัน มีเรื่องผู้หญิง (หัวเราะ) แต่ก็ยังอยู่ด้วยกัน

ฐานะตอนนี้คืออะไร เป็นยังไง ?

เซียนหรั่ง : เป็นเฟื่อน ทุกวันนี้ผมไม่มีหญิงแล้ว แต่ก่อนมันก็มีคนหลงผิดกันบ้าง ตอนนี้ไม่มีใคร

มันมีบางอย่างที่ทำให้เราต้องเรียนรู้กันแล้ว พอเราห่างออกมาคนละก้าว มันมองเห็นอะไรชัดมากขึ้นหรือเปล่า ?

เซียนหรั่ง : เห็นปัญหาจริง ๆ มันลืมไปแล้วว่าเรารักกันนะ มันไม่ค่อยได้เติมความหวานให้กัน ไม่ค่อยได้อะไรให้กัน แล้วก็ต่างคนต่างทำงาน ต่างคนต่างเหนื่อย แต่กลับไม่มีกำลังใจให้กัน มันก็เลยกลายเป็นนอยๆกัน มันก็สะสมไปเรื่อย ๆ

มีมุมที่เศร้าไหม แต่ก็ยังแสดงความเป็นเซียนหรั่งให้เขาได้หัวเราะ ?

เซียนหรั่ง : ทุกคนมีหมด เคยแบบไม่ไหวจริง ๆ ไม่ไหวแล้ว มันเหนื่อย เหนื่อยมาก เราทำงานแทบจะวันละประมาณแบบ 8-16 ชั่วโมงต่อวัน คือเราทำมาประมาณ 2-4 ปี คือหลาย ๆ คนไม่รู้ว่าผมทำงาน ทุกวันจริง ๆ บางวันก็ 2 งาน บางวันก็ 3 งาน หรือไม่บางทีก็มีเวลาว่าง สมมุติว่าง 1 วันเต็ม เราก็ต้องไปทำงานที่เป็นงานของตัวเอง ไปเคลียร์งานของตัวเองอีก แทบไม่มีโอกาสได้พักเลย พอมันไม่มีโอกาสได้พัก มันล้าสะสม ด้วยความว่าแบบทุกคนชอบคิดว่าเราเป็นผู้นำ ความเป็นผู้ชาย มันจะไม่ชอบบอกใครว่าเราอ่อนแอ เราไหว ๆ จนมันไม่ไหวจริง ๆ

สิ่งที่เห็นชัดเลยว่าเซียนหรั่งอยู่มาได้นาน เพราะวิถีล้วน ๆ คิดว่าวันหนึ่งของรายการเซียนหรั่ง จะมีวันตันไหม ?

เซียนหรั่ง : จริง ๆ วิถีชีวิต คำว่าวิถีชีวิต สุดท้ายคนเรามันก็แค่ ออกไปทุ่งนา หากิน ได้กับข้าว กินอิ่ม นอนหลับ กลับบ้าน คือมันแบบวิถีมันอยู่เท่านี้ ซึ่งแบบรูปแบบมันอาจจะเหมือนเดิม แต่พอวันเปลี่ยน ทุกอย่างสถานการณ์มันก็จะไม่เหมือนเดิมอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติ สถานการณ์ วิถีอาจจะเหมือนเดิม ทุกวันมันเหมือนเดิม ๆ แต่สถานการณ์แต่ละวัน ยังไงมันก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งถามว่าตันไหม มันไม่ตันหรอก เพราะว่าเราอยากทำอยู่แล้ว

เคยมีวันที่อยากพักผ่อนตัวเองไหม ?

เซียนหรั่ง : ถ้าเกิดถ่ายเซียนหรั่งไม่เคยอยากพักเลย เพราะมันแทบจะเหมือนการพักผ่อนอยู่แล้ว  อย่างที่ไปรายการเราไปเล่น เราไปนั่นไปนี่อะไรอย่างนี้ มันเหมือนการที่เราได้พักผ่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นงานอื่น ๆ อันนี้มีอยากจะพัก เพราะก็คุยกันแบบเพื่อน ๆ ทุกวันเราจะทำแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน ก็คุยกันทุกวัน คิดว่าเราจะยังแบบเป็นกลุ่มแบบนี้ เรายังจะทำงานกันแบบนี้ไปอีกได้นานแค่ไหนอะไร แต่ละคนก็มองไม่เห็นปลายทาง แสดงว่าทุกคนก็ยังอยากทำอยู่

มีข่าวลงโซเชียลว่าคนไปขอถ่ายรูปแล้วก็เรารีบขึ้นเครื่องบินไม่ได้ถ่าย แล้วประกาศตามหาตัวคนที่ไม่ได้ถ่ายรูปด้วย ทำไมถึงคิดแบบนั้น ?

เซียนหรั่ง : คือเราจะไปขึ้นเครื่อง ก็ถ่ายงานอยู่ยโสฯ ก่อน แล้วค่อยนั่งรถไปขึ้นเครื่องอยู่อุบลฯ แต่พอไปถึงสนามบิน มันเหลืออีก 30 นาที Borading แต่ดันลืมเอาบัตรประชาชนไป แล้วเราคิดว่าอย่างน้อยก็มี Thai ID ที่ซวยกว่านั้นก็คือ Thai ID เด้ง แล้วกลายเป็นว่า จะขึ้นเครื่องยังไง เอกสารแสดงตัวตนไม่มีเลย ประมาณ 15 นาทีก่อน Borading ก็เลยไปถามเคาน์เตอร์ว่าทำยังไงดี เขาก็เลยว่าไปแจ้งความบัตรหาย แล้วใบแจ้งความนั้นสามารถใช้ได้ 7 วันแทนบัตรประชาชน

ตอนนั้นเราก็เลยเร่งรีบด้วย แล้วก็เอาใบที่แจ้งความนั้น มาขึ้นเครื่องอีกรอบหนึ่ง ?

เซียนหรั่ง : ต้องไปแจ้งความก่อนไง ต้องไปแจ้งความเพื่อเอาใบแจ้งความนั้นก่อน โชคดีที่สนามบิน อยู่ใกล้กับกับโรงพักที่อุบลฯ ก็เลยรีบไปทำใบแจ้งความ แต่จังหวะที่เรากำลังจะรีบวิ่งออกไป มีแม่กับลูกอีก 2 คน กำลังจะมาขอถ่ายรูปเรา ในจังหวะที่กำลังวิ่งไป แต่ในใจตอนนั้นคือเราคิดแล้วว่าบัตรจะไม่ทัน ใบมันจะไม่ทัน ก็เลยเดี๋ยวกลับมานะครับ เดี๋ยวกลับมารอผมแป๊บหนึ่ง พอเข้า gate มาทัน แล้วทีนี้เครื่องมันกำลังเรียกขึ้นพอดี เราก็เลยมองหาทำไมไม่เจอเขา ก็เลยลงประกาศหาแต่ไม่เจอ

ช่วงนี้ทำงานเยอะทุกวัน มีพรีเซนเตอร์เข้ามาเยอะ มีเวลาสังสรรค์เหมือนเดิมไหม ?

เซียนหรั่ง : เหมือนเดิมอยู่แล้ว คนมันกิน มันก็กินทุกวันอยู่แล้ว

เราเคยบอกตัวเองไหมว่าต้องดูแลสุขภาพยังไง ในการที่ดื่มแล้วตื่นเช้าทำงานไหวหรือเปล่า ?

เซียนหรั่ง : แรกๆ คือหัวแข็ง ตอนเป็นวัยรุ่นนะ ตอนเป็นวัยรุ่นคิดว่าแบบแค่นี้ไหว แค่นี้ได้

เคยเมาแบบหนักสุดเป็นยังไง ?

เซียนหรั่ง : คนเมานั่ง ๆ ด้วยกันอยู่ในกลุ่ม เป็นแบบหลาย ๆ คน แต่ละคนเวลาเมา มันจะไม่ค่อยฟัง ใคร มันจะแบบเสียงมันจะเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนต้องฟังเราอะไรอย่างนี้ เราก็เลยเริ่มรู้สึกทำไมมันเสียงดังจังเลย เราก็เลยแบบพยายามหา Topic ที่จะหยุดเสียงนี้ให้ได้

ขอวีรกรรมที่เมาแบบหลุดโลกไปเลย ?

เซียนหรั่ง : เป็นคนที่เมาแล้ว Shutdown เลย เรื่องปัจจุบันเลย ล่าสุดเพิ่งเมาตกเวทีไป ทำไมเวลาตอนที่เรากินเหล้า ตอนที่เรานั่งกินอยู่มันไม่เมา แต่พอมึงลุกขึ้นเท่านั้นแหละ ลองสังเกตไหม ถ้าเราลุกขึ้นหรือจะไปทำอะไรสักอย่างหนึ่งที่มันต้องเพ่งสมาธิ เราจะเมาทันที ชอบนั่งชิล แต่วันนั้นพอนั่งชิลเสร็จ เพื่อน ๆ ก็พาไปต่ออีก เป็นผับแล้วก็เมา เมามาก ทีนี้นักร้องในผับ เขาก็ชวนขึ้นไปร้องเพลง แล้วก็ขึ้น ๆ ไป พอขึ้นไปเสร็จ ผมเห็นนักร้องเขาเต้น ผมก็เริ่มแบบทำไมตาเราลาย ทำไมเขาเต้นแยกร่างได้ สักพักหนึ่งเริ่มกลัว ก็เลยเริ่มถอยมาข้างเวที แล้วทีนี้ก็มองไปเห็นไฟที่มันส่องมาใส่ตาเรา ไฟมันไหลแบบเป็นเส้นเลยเหมือนพญานาค เริ่มรู้แล้วว่าเราเมาแล้ว เมามากแล้ว เริ่มคุมสติไม่อยู่ ต้องออกจากตรงนี้ ในหัวมันก็เลยคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องออกจากตรงนี้ แต่ลืมว่าคำว่าเราต้องออกจากตรงนี้ ขาผมก้าวไปเรื่อย ๆ จนก้าวสุดท้าย มันเหมือนไม่มีอะไรมารับเท้าเรา ก็ลงไปทั้งอย่างงั้นเลย ก็หายแว๊บ เวทีก็สูงด้วย ไม่มีใครรู้เลยว่าผมตกเวที วันนั้นคนยังสนุกกับดนตรีอยู่ แล้วก็ไอ้นี่มันเดินไปไหน อยู่ดีมันเดินไปแล้วก็หายไปเลย และก็ภาพต่อมา ผมจำไม่ได้ว่าตอนตัวเองตกเป็นยังไง แต่จำได้ตอนที่ผมอยู่ข้างล่าง แล้วมีคนกำลังหามผม ตาผมลอยๆ คุณรู้ไหมว่าคนที่ช่วยผม ช่วยแบบไหน ตอนแรกมีคนรับผมอยู่ เขารับผมแล้วเขาโยนผมขึ้นเวทีไปเลย (หัวเราะ) เพื่อให้ผมขึ้นอีกรอบหนึ่ง

วีรกรรมเมาสุดแบบหลุดไปเลยคือเมาอีกทีหนึ่งไปตื่นที่ไฟแดงคือยังไง ?

เซียนหรั่ง : มีประจำ จำได้ไหมที่บอกว่าเมาแล้ว Shutdown  เป็นอย่างนี้ แต่จะเมาแล้วจะไม่ค่อยชอบขับรถ จะขึ้นให้คนอื่นขับ คือวันนั้นก็คือไปกินอยู่ศรีสะเกษ ไปกันหลายคนมาก แล้วก็ไปจบที่ร้านหนึ่ง คือเป็นคนที่ชอบไปไม่ไปร้านเดียว จะไปต่อ ชอบเป็นบุคคลสุดท้าย ชอบแบบฟีลนั้น แล้วก็ส่งเพื่อนกลับ นั่งกินไม่เป็นอะไรแต่ตอนลุกขึ้นแล้วส่งเพื่อนกลับบ้าน จำได้ว่าเริ่มตั้งแต่ 20:00 น. จนถึง 06:00 น. แล้วร้านมันก็ปิดแล้ว เด็กเสิร์ฟก็กลับหมด เขาก็ปล่อยนั่งไหลชิลไปเลย เช็คบิล เช็คอะไรแล้วก็ส่งเพื่อน ส่งเพื่อนเสร็จ ส่งไปส่งมาทำไมเหลือเราคนเดียว คือส่งจนหมดไปแล้ว อยู่ดี ๆ ทำตัวไม่ถูก แต่มันจะไม่ได้เมาเลย มันชอบเมาตอนผมไปจับที่เปิดประตูรถ ลองสตาร์ทรถนั่งดู  ไม่ไหว ๆ ทำไมเมาขนาดนี้ อยู่คนเดียว ไม่กล้าขับ แต่ก็ไม่กล้าจอดรถไว้ตรงนั้นเพราะมันเปลี่ยว ก็เลยคิดว่าเราลองหลบซ้ายไปอีกสักนิดหนึ่ง แล้วก็ไปจอดนอนข้างทางดีกว่า หรือไม่ก็ไหล่ทางที่มันมีแบบข้าง ๆ พอเลี้ยวซ้ายออกจากตรงร้านนั้นเสร็จ ภาพตัดเลยไม่มีภาพนั้นในหัวแล้ว ตื่นมาอีกทีคืออยู่ไฟแดง จอดนอนเลย จอดข้างฟุตบาทเลย แต่เป็นข้างฟุตบาท ไฟแดงอยู่บนหัวเรา แล้วก็จอดนอนแต่อยู่ซ้ายสุดนะ

ตื่นมาอีกทีหนึ่งตอนกี่โมง ?

เซียนหรั่ง : รถติดยับเลย มาซ้ายสุด ประเด็นคือไม่ใช่ทางกลับบ้านด้วย เรามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงประมาณนั้น ไม่ขับรถอีกเลยจากนั้นมา

สามารถติดตาม “เบิ้ล AM” ได้ที่ช่องทาง Facebook: WE DO , Youtube: WE DO วันพฤหัสบดี เวลา 19.00 น.

คลิกชมคลิปย้อนหลัง  :  https://www.youtube.com/watch?v=YbCRDKCTTpc

 

ข่าวแนะนำ

แชร์ข่าว