วันที่ 13 ธันวาคม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารชี้แจงว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดว่า การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองต้องดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามวิธีการ ที่กำหนดในมาตรา 50 และมาตรา 51 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และประกาศกกต. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดประชุมของพรรคการเมือง เพื่อรับฟังความคิดเห็น การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พรรคการเมือง ต้องดำเนินการ 1. การหาสมาชิกพรรคการเมืองพรรคการเมืองต้องดำเนินการหาสมาชิกพรรคการเมืองให้เป็นไปตามมาตรา 24 มาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 27 ของกฎหมายเดียวกัน และประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง สมาชิกพรรคการเมือง พ.ศ. 2566 โดยเฉพาะพรรคการเมืองต้องบันทึกข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองให้เป็นปัจจุบัน เพื่อเป็นการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง การจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง การแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด การประชุมใหญ่สาขาพรรคการเมือง การประชุมใหญ่พรรคการเมือง การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของพรรคการเมือง และการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. เป็นต้น
การรับสมัครสมาชิกพรรคการเมืองห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งหากพรรคการเมืองใดกระทำการจะเป็นเหตุให้พรรคการเมืองนั้นถูกยุบได้ และผู้กระทำการจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ทั้งจำคุก ปรับ และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นอกจากนี้ หากพรรคการเมืองใดแอบอ้างว่าผู้ใดสมัครเป็นสมาชิกโดยผู้นั้นไม่รู้เห็นหรือไม่อาจแก้ไข หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองมีคำสั่งให้เพิกถอนสมาชิกอันเป็นเท็จ จะมีความผิดตามมาตรา 107 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี ซึ่งเบื้องต้นพรรคการเมืองสามารถตรวจสอบข้อมูลของผู้ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองว่า เป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ ได้จาก www.party.ect.go.th หรือ Application Smart Vote
2. การจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง และการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด กรณีการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองพรรคการเมืองต้องมีสมาชิกที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ (เป็นเขตเลือกตั้งหรือจังหวัดที่กำหนดในข้อบังคับพรรคการเมือง) ตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป ตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง (2) ของกฎหมายเดียวกัน และประกาศกกต.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง พ.ศ. 2566 ส่วนการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด พรรคการเมืองต้องมีสมาชิกที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนั้นเกิน 100 คน ตามมาตรา 35 ของกฎหมายเดียวกัน และประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง และการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด พ.ศ. 2566
ซึ่งการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง และการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดดังกล่าว พรรคการเมืองต้องแจ้งการจัดตั้งสาขาพรรค หรือการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ประกาศจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองหรือวันที่ประกาศแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด หากไม่ปฏิบัติต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และปรับอีกวันละ 1,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ดังนั้น ให้พรรคการเมืองพึงระมัดระวังการประชุมการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง และการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดมีสมาชิกเข้าร่วมให้ครบองค์ประชุมและต้องเป็นการประชุมเพื่อการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและการแต่งตั้งตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัด หากการดำเนินการดังกล่าวไม่ถูกต้องเป็นเท็จ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
3. การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.พรรคการเมืองต้องจัดให้มีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ประกอบด้วย บุคคลและจำนวนตามที่กำหนดในข้อบังคับพรรคการเมือง ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เกินกึ่งหนึ่งของคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ทั้งนี้ จำนวนหัวหน้าสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรคการเมืองอย่างน้อยต้องมีหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 4 สาขา ซึ่งมาจากต่างภาคกัน และมีหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อให้ได้ผู้มีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต และมีคุณธรรมจริยธรรมตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่กำหนดในข้อบังคับ และเพื่อประโยชน์ในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองใดจะดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้ล่วงหน้าก่อนวันประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ได้
สำหรับการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 50 และมาตรา 51 ของกฎหมายเดียวกัน และประกาศกกต. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดประชุมของพรรคการเมือง เพื่อรับฟังความคิดเห็น การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 พรรคการเมืองซึ่งประสงค์จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งในจังหวัดใด ต้องมีสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดนั้น
กรณีที่พรรคการเมืองมีสาขาพรรคการเมืองมากกว่าหนึ่งสาขา หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดมากกว่าหนึ่งตัวแทนในจังหวัดใด ให้พรรคการเมืองนำมาซึ่งคำแนะนำของที่ประชุมใหญ่สาขาพรรคการเมือง หรือการประชุมตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดนั้น เป็นสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด เพื่อดำเนินการตามมาตรา 50 และมาตรา 51
หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมืองหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดไม่ดำเนินการสรรหาผู้สมัครตามที่กำหนดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี และหัวหน้าพรรคการเมืองผู้ออกหนังสือรับรองผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเท็จ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 5 ปี ตามมาตรา 117 และมาตรา 120 แห่งกฎหมายเดียวกัน เมื่อพรรคการเมืองได้ดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แล้ว ให้พรรคการเมืองรายงานการสรรหาให้สำนักงานกกต.ทราบด้วย







