ประชาสัมพันธ์

รู้จัก EXP BBE MFG และวิธีจัดการวันหมดอายุสินค้าไม่ให้ขาดทุน

แชร์ข่าว

รู้จัก EXP คืออะไร และความสำคัญของวันหมดอายุ

สำหรับเจ้าของร้านโชห่วย การเข้าใจเรื่อง วันหมดอายุ และ exp คือ อะไรถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยลดการขาดทุนจากสินค้าที่หมดอายุ EXP ย่อมาจาก Expiry Date คือ วันที่บ่งบอกถึงวันที่อาหารหมดอายุ หลังจากวันนั้นสินค้าจะไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค

การไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างรูปแบบการแสดง วันหมดอายุ อาจทำให้เจ้าของร้านจัดการสินค้าผิดพลาด การไม่เข้าใจความหมายของตัวย่อเหล่านี้อาจทำให้คุณจัดการสินค้าผิดพลาด ส่งผลให้เกิดการขาดทุนโดยไม่จำเป็น

ความแตกต่างสำคัญของตัวย่อบนผลิตภัณฑ์:

MFG: วันที่ผลิต (Manufacturing Date)

EXP: วันหมดอายุ (Expiry Date) - ห้ามขายหลังวันที่ระบุ

BBE/BBF: ควรบริโภคก่อน (Best Before) – ยังขายได้แต่คุณภาพอาจลดลง

ระบบ FIFO และการจัดการสต็อกสินค้า

หลักการ FIFO (First In First Out) เป็นกลยุทธ์หลักในการจัดการวันหมดอายุสินค้าให้มีประสิทธิภาพ การนำระบบนี้มาใช้จะช่วยให้สินค้าที่มาก่อนออกก่อน ลดโอกาสเสียหายจากexp คือวันที่หมดอายุ

การจัดเรียงสินค้าแบบ FIFO:

• วางสินค้าใหม่ไว้ด้านหลัง

• ยกสินค้าเก่าขึ้นมาด้านหน้า

• ติดป้ายบอกวันหมดอายุให้ชัดเจน

• ตรวจสอบสินค้าที่ใกล้วันหมดอายุเป็นประจำ

การติดตามสินค้าด้วยเทคโนโลยี: โครงการมิตรแท้โชห่วยได้นำระบบ Makro POS มาช่วยในการจัดการสต็อกสินค้า Makro POS เป็นระบบจัดการร้านค้าที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เจ้าของร้านโชห่วยและร้านขายของชำสามารถจัดการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถแจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมดอายุ

กลยุทธ์การขายสินค้าใกล้หมดอายุ:

1. ส่วนลดแบบขั้นบันได: เริ่มลด 10-20% เมื่อเหลือ 7 วัน ลด 30-50% เมื่อเหลือ 3 วัน

2. บันเดิลโปรโมชั่น: รวมสินค้าใกล้หมดอายุกับสินค้าปกติ

3. ขายให้ร้านอาหาร: ร้านอาหารมักต้องการสินค้าสำหรับใช้ในวันเดียวกัน

4. โปรโมชั่นซื้อ 2 แถม 1: กับสินค้าที่มีวันหมดอายุใกล้

การแยกประเภทสินค้าตามระยะหมดอายุ:

• โซนสีเขียว: สินค้าใหม่ อายุเหลือมากกว่า 2 สัปดาห์

• โซนสีเหลือง: สินค้าใกล้หมดอายุ เหลือ 3-14 วัน

• โซนสีแดง: สินค้าที่ต้องจัดการด่วน เหลือน้อยกว่า 3 วัน

การประเมินสินค้าหลัง EXP และการตัดสินใจทำอย่างไรบ้าง

ความเข้าใจเรื่อง exp คือ อะไร จะช่วยให้เจ้าของร้านตัดสินใจได้ถูกต้องว่าสินค้าใดควรทิ้ง หรือยังขายได้ สินค้าที่ผ่าน "ควรบริโภคก่อนวันที่" (BB / BBE) แล้ว ยังสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยในระยะเวลาหนึ่ง หากไม่มีสัญญาณของการเน่าเสีย

สินค้าที่ยังขายได้หลัง BBE:

• ขนมกรอบ (ตรวจสอบความกรอบ)

• อาหารกระป๋อง (ดูการบวมของกระป๋อง)

• เครื่องปรุงแห้ง (ตรวจสอบกลิ่นและสี)

• น้ำดื่มบรรจุขวด (ตรวจสอบความใสและกลิ่น)

สินค้าที่ต้องทิ้งทันทีหลัง EXP:

• ผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ต

• เนื้อสัตว์และอาหารทะเล

• อาหารพร้อมทาน

• ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ

ระบบแจ้งเตือนและการวางแผนการสั่งซื้อ

การจัดการวันหมดอายุอย่างมืออาชีพต้องมีระบบแจ้งเตือนที่ดี การจัดการสินค้าในร้านอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนจากสินค้าหมดอายุ

การตั้งระบบแจ้งเตือน:

• แจ้งเตือน 30 วันก่อนหมดอายุ สำหรับวางแผนโปรโมชั่น

• แจ้งเตือน 14 วันก่อนหมดอายุ สำหรับเริ่มลดราคา

• แจ้งเตือน 7 วันก่อนหมดอายุ สำหรับส่วนลดสูงสุด

• แจ้งเตือน 3 วันก่อนหมดอายุ สำหรับขายด่วนหรือบริจาค

การวางแผนการสั่งซื้อ: ศึกษาข้อมูลการขายเพื่อวางแผนการสั่งซื้อให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการสั่งสินค้าที่มีexp คือวันหมดอายุใกล้เกินไป หรือสั่งในปริมาณมากเกินความต้องการ

การสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าใกล้หมดอายุ

แทนที่จะมองสินค้าใกล้วันหมดอายุเป็นปัญหา ร้านโชห่วยสามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้

ไอเดียสร้างมูลค่าเพิ่ม:

• คอร์นเนอร์อาหารพร้อมทาน: ใช้ผัก ผลไม้ใกล้หมดอายุทำสลัดขาย

• บริการส่งอาหารสัตว์: ขายผักผลไม้ใกล้exp คือวันหมดอายุให้ฟาร์มปศุสัตว์

• โปรแกรมลูกค้าเก่า: แจ้งลูกค้าประจำเมื่อมีสินค้าลดราคาพิเศษ

• ความร่วมมือกับชุมชน: บริจาคสินค้าที่ยังดีแต่ใกล้หมดอายุให้องค์กรการกุศล

การป้องกันปัญหาในอนาคต

การจัดการวันหมดอายุอย่างยั่งยืนต้องมีการวางระบบป้องกัน ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า

มาตรการป้องกัน:

• ศึกษาพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา

• ปรับปริมาณการสั่งซื้อตามฤดูกาลและเทศกาล

• สร้างเครือข่ายกับร้านค้าใกล้เคียงเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้า

• พัฒนาทักษะการเจรจาต่อรองกับผู้จำหน่ายสำหรับสินค้าคืน

ร้านโชห่วยที่มีระบบจัดการวันหมดอายุที่ดี จะสามารถลดความสูญเสียจากสต็อก เสริมประสิทธิภาพในการขาย และสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้ามากขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากมิตรแท้โชห่วยและเทคนิคการบริหารสต็อกแบบมืออาชีพ ร้านโชห่วยทุกแห่งสามารถพัฒนาให้มั่นคงและเติบโตได้ในระยะยาว

ข่าวแนะนำ

Tags:EXP
แชร์ข่าว