เมื่อวันที่ 27 พ.ย.68 สำนักข่าว BBC รายงานว่า หลายพื้นที่ของประเทศไทย กำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ จากฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 33 ราย และทำให้ภาครัฐต้องระดมเรือรบ และเฮลิคอปเตอร์ทางทหารเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา น้ำท่วมรุนแรงได้ถาโถมเข้าใส่จังหวัดทางภาคใต้ กว่า 10 จังหวัด โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญติดชายแดนมาเลเซีย มีปริมาณน้ำฝนสูงสุดในรอบกว่า 300 ปี วัดได้ถึง 335 มิลลิเมตรภายในวันเดียว
ภาพจากพื้นที่เกิดเหตุเผยให้เห็นรถยนต์ บ้านเรือน และร้านค้าจำนวนมากจมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยต้องขึ้นไปติดอยู่บนหลังคาบ้าน รอคอยความช่วยเหลือท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
รายงานข่าวระบุอีกว่า ฝนตกหนักต่อเนื่องไม่ได้กระทบเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลรุนแรงไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในประเทศเวียดนาม มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 98 รายภายในสัปดาห์เดียว ขณะที่ประเทศมาเลเซีย มีประชาชนมากกว่า 19,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
ทางด้านอินโดนีเซีย มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 7 รายที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินถล่มในพื้นที่สุมาตราเหนือ ตามข้อมูลของสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติอินโดนีเซีย
สำหรับประเทศไทย มีประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมากกว่า 2 ล้านคน อย่างไรก็ตาม มีเพียงประมาณ 13,000 คนเท่านั้นที่สามารถเข้าพักในศูนย์พักพิงชั่วคราว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประชาชนจำนวนมากในพื้นที่น้ำท่วมถูกตัดขาดจากโลกภายนอก สัญญาณสื่อสารขัดข้อง และไม่สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้
กองทัพไทย ซึ่งรับผิดชอบการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ เปิดเผยว่า กำลังเตรียมส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน พร้อมเรือช่วยเหลืออีก 14 ลำ ที่บรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์และเสบียงอาหาร รวมทั้งจัดตั้งโรงครัวสนาม ซึ่งสามารถจัดอาหารช่วยเหลือได้วันละกว่า 3,000 มื้อ
ด้านกองทัพเรือระบุว่า ทีมแพทย์ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินเตรียมปรับเรือลำดังกล่าวให้เป็น “โรงพยาบาลลอยน้ำ” หากสถานการณ์เลวร้ายลงกว่านี้
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ทางจังหวัดได้ระดมเรือ รถบรรทุกยกสูง และเจ็ตสกี ออกช่วยอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงแล้วในหลายจุด
คณะรัฐมนตรีมีมติประกาศให้จังหวัดสงขลาเป็นเขตภัยพิบัติอย่างเป็นทางการ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อเร่งจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรสำหรับการบรรเทาทุกข์
อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังคงติดค้างอยู่ท่ามกลางระดับน้ำที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์กู้ภัยมัชฌิมา เปิดเผยว่า ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีประชาชนหลายพันคนโทรศัพท์เข้ามาขอความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีประชาชนโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือผ่านเพจเฟซบุ๊กของ Matchima โดยบางรายระบุว่า “หลายคนติดอยู่…ช่วยด้วย” พร้อมย้ำว่าสถานการณ์วิกฤตอย่างหนัก น้ำท่วมสูงถึงชั้นสองของตัวบ้าน และมีทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการติดอยู่ภายใน
อีกรายหนึ่งระบุว่า บ้านของเขาติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมมาแล้วกว่า 3 วัน ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ และเตือนว่า “ทุกวินาทีตอนนี้สำคัญมาก… ช่วยแชร์ให้หน่อย แบตเตอรี่โทรศัพท์เหลือแค่ 40% ขอบคุณทุกคน”
ชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งยังระบุว่า พวกเขาขาดแคลนน้ำดื่มและอาหารมาหลายวันแล้ว
ขณะที่คลิปวิดีโอหนึ่งซึ่งกลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย แสดงภาพเด็กชาย 3 คน กำลังห้อยตัวอยู่กับสายไฟฟ้า พยายามไต่เต้าไปยังที่สูงเพื่อเอาชีวิตรอด ท่ามกลางระดับน้ำที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล
ในประเทศมาเลเซีย มีประชาชนกว่า 19,000 คนที่ถูกอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยมีการจัดตั้งศูนย์อพยพมากถึง 126 แห่งในพื้นที่ชายแดนทางภาคเหนือ
ในรัฐกลันตันและรัฐปะลิส ทีมกู้ภัยต้องเดินลุยน้ำที่ท่วมสูงถึงระดับเข่า เพื่อเข้าช่วยอพยพประชาชนจากพื้นที่ที่ระดับน้ำท่วมสูงจนเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด
แม้ฝนตกหนักในช่วงฤดูมรสุมจะเป็นเรื่องปกติของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ปีนี้สถานการณ์รุนแรงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด โดยระดับน้ำท่วมสูงผิดปกติในหลายประเทศพร้อมกัน
#น้ำท่วมหาดใหญ่ #น้ำท่วมใหญ่ #ฝน300ปีครั้งเดียว #น้ำท่วมภาคใต้ #หาดใหญ่น้ำท่วม #ข่าวน้ำท่วม #อุทกภัย #น้ำท่วมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ #FloodThailand #BreakingNewsFlood