ชาวนาพิจิตร 14 ราย ร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกท่าข้าวเอกชนแห่งหนึ่งที่อำเภอตะพานหิน ค้างชำระเงินค่าข้าวเปลือก เป็นเวลานานกว่า 7 เดือน ตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 ล้าน ทำให้ชาวนาเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีเงินชำระหนี้ ธ.ก.ส. และเจ้าหนี้ค่าปุ๋ยยา
วันที่ 10 พ.ย.68 นายเอกวุฒิ ชุมวรฐายี พาณิชย์จังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย พ.จ.อ.สราวุธ โกสุมา ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองพิจิตร และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรม ได้ร่วมกันรับเรื่องร้องทุกข์จากกลุ่มชาวนา ประมาณ 14 ราย ที่รวมตัวกันเดินทางมาจากอำเภอตะพานหิน แม้ว่าชาวนาจะสำคัญผิดมาที่ว่าการอำเภอเมืองพิจิตรก่อน แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งประสานงานและรับเรื่องดำเนินการ
นายอานนท์ เจริญมา อายุ 38 ปี หนึ่งในตัวแทนชาวนาจากตำบลห้วยเกตุ อำเภอตะพานหิน เล่าว่า ตนเองได้นำข้าวเปลือกจำนวน 29.5 ตัน จากการทำนา 40 ไร่ ไปขายให้กับท่าข้าวแห่งหนึ่งในตำบลวังหว้า อำเภอตะพานหิน ซึ่งมี "เจ๊ปลา" (นามสมมุติ) เป็นผู้เช่าและรับซื้อ โดยขายในราคาสูงถึงตันละ 5,700 บาท รวมเป็นเงินกว่า 183,852 บาท สาเหตุที่เลือกขายในช่วงสงกรานต์ เนื่องจากเป็นช่วงที่โรงสีและท่าข้าวส่วนใหญ่ปิด แต่ท่าข้าวแห่งนี้ยังเปิดรับซื้ออยู่ โดยหลังจากการส่งมอบข้าวแล้วได้รับเพียงตั๋วชั่ง แต่ไม่ได้เงินสด หลังจากนั้นได้ทวงถามเรื่อยมา "เจ๊ปลา" จึงทยอยผ่อนจ่ายมาให้เพียง 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 30,000 บาท แล้วก็เงียบหายไปจนถึงปัจจุบัน
ด้าน นางวันเพ็ญ สารีอรรถ อายุ 54 ปี ชาวนาตำบลห้วยเกตุอีกราย กล่าวเสริมว่า ตนเองและสามีได้นำข้าวเปลือก 35 ตัน จากการทำนา 80 ไร่ ไปขายได้เงินรวม 225,225 บาท ซึ่งถูกค้างจ่ายเช่นกัน เคยรวมตัวกันจะไปแจ้งความที่ สภ.ตะพานหิน แต่ "เจ๊ปลา" ได้มาไกล่เกลี่ยพร้อมยืนยันว่าจะไม่โกง แต่มีปัญหาเรื่องการหมุนเวียนเงิน ทำให้ทยอยจ่ายเพื่อประวิงเวลา โดยจ่ายให้มาเพียง 30,000 บาท เท่านั้น
ส่วนชาวนารายอื่นๆ ที่รวมตัวมาร้องทุกข์ในวันนี้ทั้ง 14 ราย ต่างประสบปัญหาเดียวกัน คือได้รับเงินทยอยจ่ายคืนมาเพียงบางส่วนเท่านั้น โดยบางรายได้ 10,000 บาท บางรายได้ 30,000-50,000 บาท ทั้งที่ยอดค้างชำระต่อรายสูงนับแสนบาท รวมยอดค้างชำระทั้งหมดของชาวนากลุ่มนี้จึงเกินกว่า 1 ล้านบาท การถูกค้างจ่ายเป็นเวลานานนี้สร้างความทุกข์แสนสาหัส เพราะชาวนาไม่มีเงินไปชำระหนี้ ธ.ก.ส. เจ้าหนี้ค่าปุ๋ย ค่าสารเคมี และค่าเช่านา ที่ต่างทวงถามอย่างต่อเนื่อง กลุ่มชาวนาจึงหมดหนทางและต้องรวมตัวกันมาร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้ เพื่อขอให้ทางราชการเร่งประสานงานกับสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนจังหวัดพิจิตร ให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือให้ได้รับเงินค่าข้าวเปลือกคืนโดยเร็วที่สุด
#ภูมิภาค-09