การเมืองทั่วไป

5 แกนนำการเมืองแถลงยื่นร้อง ปปช. ชี้ “เศรษฐา–ครม.” อนุมัติแปรญัตติงบฯ 35,000 ล้าน เข้าข่ายผิด ม.157

แชร์ข่าว

วันที่ 4 พ.ย.68 ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์, พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป, นายสมชาย แสวงการ, อ.เจษฎ์ โทณะวณิก, นายนิติธร ล้ำเหลือ แถลงข่าวกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำวินิจฉัยกรณีที่ทั้ง 5 คน ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 144 ของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีผู้กระทำผิดทั้งคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะเป็นผู้ที่อนุมัติการแปรญัตติต่อกรรมาธิการของรัฐสภา งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2568 ปรับลดงบประมาณ 35,000 ล้านบาท ไปใช้ผิดประเภท อาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 172 ของพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. โดยอ้างว่ากรรมาธิการ ส.ส. ส.ว. ไม่มีความผิดด้วย เพราะไม่ใช่ผู้กระทำการแปรญัตติ

​คณะผู้ร้องมีความเห็นด้วยบางส่วนในกรณีนี้ เพราะว่าเมื่อ ป.ป.ช. จะดำเนินคดีความผิด กับคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 เท่ากับต้องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการนำผู้กระทำความผิดในข้อหาเดียวกันมาลงโทษและเรียกเก็บเงินจาก 35,000 ล้านบาท ในการกระทำความผิดชดใช้แก่แผ่นดินด้วย เพราะคณะรัฐมนตรีมิอาจจะกระทำการขอแปรญัตติตัดทอน ปรับลดงบประมาณต้องห้าม ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 และกฎหมายอื่นๆ องค์ประกอบต้องให้กรรมาธิการเห็นชอบ และ ส.ส. เสียงส่วนใหญ่เห็นชอบ และ ส.ว. ต้องเห็นชอบจึงจะทำการแปรญัตติ เป็นผลทำให้เงินงบประมาณจาก ๕ ธนาคาร เป็นการใช้หนี้และดอกเบี้ยตามกฏหมายวินัยการเงินการคลัง โยกไปอยู่ในหมวดงบกลางเพื่อนำไปใช้ในโครงการ DW 10,000 บาท เพื่อคะแนนของพรรคการเมือง จึงขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามกฏหมายกับผู้ดำเนินการฐานเป็นผู้สนับสนุนให้คณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน กระทำผิดกฎหมายตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด โดยดำเนินคดีกับคณะกรรมาธิการ ส.ส. และส.ว. ที่เห็นชอบด้วย จึงจะถูกต้องตามกฏหมาย

1. ข้อพิจารณาให้ ป.ป.ช. ทบทวน

​ป.ป.ช. กล่าวอ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่าจะพิจารณาเฉพาะในกรณีระหว่างพิจารณาดำเนินการตราพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี ในขณะที่ยังไม่ประกาศใช้เป็นพรบ.เท่านั้น

​ถือว่า ป.ป.ช. ตีความ มาตรา 144 ที่มีการบัญญัติไว้ 6 วรรค โดย 3 วรรคแรก เป็นเรื่องที่ สส. หรือสว. เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 ของสมาชิกในรัฐสภา ต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง และศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาภายใน 15 วัน เจตนาเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงงบประมาณ เพื่อทำโครงการใหม่และทุจริต โดย สส. หรือ สว. หรือกรรมาธิการ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณเท่านั้น มิได้มีหน้าที่ดำเนินงานใช้งบประมาณซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล จึงห้ามแปรญัติ ตามมาตรา 144 ไว้โดยเฉพาะ

​อีกทั้งความหมายของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 88 ส่วนที่ทำผิดเกี่ยวกับมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีบทบัญญัติเป็นครั้งแรกที่ให้ ป.ป.ช. รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ข้าราชการ หรือผู้รู้เห็นจากผู้อนุมัติโครงการ ว่าผิดกฎหมาย โดยให้ร้องต่อ ป.ป.ช. หลังจากประกาศใช้พรบ.งบประมาณประจำปีนั้นแล้ว ถ้า ป.ป.ช. รับเรื่อง ต้องรีบดำเนินการโดยพลันโดยทางลับ ห้ามเปิดเผยผู้แจ้ง และถ้ามีมูลให้รีบส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการวินิจฉัยลงโทษ โดยมีอายุความเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำความผิดคืนแผ่นดิน ให้เวลาดำเนินการ 20 ปี เป็นการตราบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการโดยเฉพาะความผิดจากการทำผิด มาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ เมื่อ ป.ป.ช. อ้างเหตุว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่พิจารณา พรบ. ที่ประกาศใช้แล้ว เท่ากับเป็นการตีความทำลาย พรป.ป.ป.ช. มาตรา 88 ที่ถูกตราขึ้นเพื่อให้ ป.ป.ช. มีอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะ เป็นอันเสียไป โดยไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เลย

2. ข้อกฎหมายที่ให้ประชาชนได้ดำเนินการช่วยปราบปรามการทุจริตได้ ​ป.ป.ช. ใช้กฎหมายข้อใดของ ป.ป.ช. หรือกฎหมายอื่นใด ให้อำนาจ ป.ป.ช. ลบล้างกฎหมายมาตรา 88 ของป.ป.ช.เอง ทั้งเมื่อประกาศใช้พรบ.งบประมาณแล้ว ไม่สามารถฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนญได้

​มีอำนาจใดเหนือบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่ต้องพิจารณาทุกวรรค ทั้งหกวรรคโดยเฉพาะวรรคสี่ ให้ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสินถูกหรือผิด และต้องเรียกร้องเงินจากบุคคลที่ทำความเสียหายแก่แผ่นดินเข้าคลังแผ่นดินเป็นเวลา 20 ปี หมายความว่าบทบัญญัติดังกล่าวของวรรค สาม วรรคสี่ วรรคห้า วรรคหก ทำผิดหลังจากประกาศใช้ไปแล้ว จึงรู้ว่ามีหน่วยงานหรือบุคคลใดทำผิด ตามมาตรา 144 จึงนำความแจ้งต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการไต่สวนโดยพลัน และศาลรัฐธรรมนูญลงโทษผู้กระทำความผิด และเรียกเก็บเงินค่าเสียหายคืนแผ่นดินภายใน 20 ปี จึงขอให้ ป.ป.ช. ตอบข้อความ ว่าท่านใช้กฎหมายใดดำเนินการยกคำร้องว่า เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 แต่ไม่ผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ซึ่งเป็นความผิดเรื่องเดียวกันกับมาตรา 144 ที่ต้นเรื่องมาจากมาตรา 144

​โดยขอให้ ป.ป.ช. ตอบภายใน 15 วัน หลังจากที่ได้รับเรื่องจากข้าพเจ้า ในฐานะผู้นำความมาปรากฏแก่ ป.ป.ช. โดยพลัน

​เพื่อให้ประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถยื่นคำร้องให้ความปรากฏแก่ ป.ป.ช. ในการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบได้ หรือ ป.ป.ช. ไม่สามารถใช้กฎหมายมาตรา 88 ของตนในการตรวจสอบยับยั้งการทุจริตเรื่องงบประมาณได้ ขอให้ไต่สวนตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ. 2561 หมวด 3 เพราะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ทั้งหมดทุกคน รวมทั้งผู้อนุมัติโครงการให้นำเงินไปแจกโครงการ DW ผิดกฎหมายตามที่ ป.ป. ช. มีมติชี้ว่ามีมูล

ข่าวแนะนำ

แชร์ข่าว