วันที่ 3 พ.ย. 2568 สภาองค์กรของผู้บริโภคและนิตยสารฉลาดซื้อ เผยผลทดสอบผ้าอนามัย ใช้ภายนอกแบบแถบกาวทั้งชนิดซึมซับน้อย ชนิดซึมซับปานกลางและชนิดซึมซับมากตรวจหาปริมาณการซึมซับ พบส่วนใหญ่ผ่านมาตรฐาน
การเก็บตัวอย่างผ้าอนามัยตัวอย่างดำเนินการในช่วงเดือน กรกฏาคม 2568 ที่ผ่านมา พิจารณาจากความนิยมซื้อใช้ของผู้บริโภค ซื้อจากร้านจัดจำหน่ายออนไลน์ 10 ตัวอย่าง และซื้อที่ร้านจัดจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล 10 ตัวอย่าง ทั้งหมดจำนวน 20 รายการเป็นการสุ่มเลือกเก็บตัวอย่าง มี 9 ยี่ห้อ แบ่งเป็นผ้าอนามัยสำหรับกลางวัน 9 ตัวอย่าง ผ้าอนามัยสำหรับกลางคืน 10 ตัวอย่าง และสำหรับกลางวัน-กลางคืน 1 ตัวอย่างนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการทดสอบที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 และทดสอบตามมาตรฐาน ตามมาตรฐาน มอก. 295-2560
ผ้าอนามัยสำหรับกลางวัน 9 ตัวอย่าง ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยที่แสดงฉลากยี่ห้อ ดังนี้
1.โซฟี แบบกระชับ สลิม แบบกลางวัน ไม่มีปีก
2.ลอรีเอะ ซอฟท์แอนด์เซฟ สลิม แบบกลางวัน มีปีก
3.โมลเพด ซอฟท์แอนด์ดราย สลิม แบบกลางวัน มีปีก
4.แซนนิต้า ผ้าอนามัย ซอฟท์ & ฟิต ผิวสัมผัสนุ่ม แม็กซี่ แบบกลางวัน มีปีก
5.แซนนิต้า พรีเมี่ยม ผิวสัมผัสนุ่ม แม็กซี่ แบบกลางวัน มีปีก
6.เฟลิเซีย ผ้าอนามัยแบบแผ่นรุ่น ซอฟท์แอนด์สลิม แบบกลางวัน มีปีก
7.เอลิส ผ้าอนามัย แฟรี่ วิงส์ แบบกลางวัน มีปีก
8.โมเดส ผ้าอนามัย คอตตอนนี่ซอฟ เฮฟวี่ โฟลว แบบกลางวัน ไม่มีปีก
9.DONNA Day แบบกลางวัน มีปีก
ผ้าอนามัยสำหรับกลางคืน 10 ตัวอย่าง ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยที่แสดงฉลากยี่ห้อ ดังนี้
10.โซฟี หลับสนิทตลอดคืน ผ้าอนามัยสำหรับกลางคืน มีปีก
11.ลอรีเอะ ซอฟท์แอนด์เซฟ แบบกลางคืน มีปีก
12.ลอรีเอะ ซูเปอร์ เจนเทิล พลัส แบบกลางคืน มีปีก
13.โมลเพด ซูเปอร์ไนท์ แบบกลางคืน มีปีก
14.แซนนิต้า ผ้าอนามัย ซอฟท์ แอนด์ ฟิต ผิวสัมผัสนุ่ม แบบกลางคืน มีปีก
15.เฟลิเซีย ผ้าอนามัยแบบแผ่นรุ่น ซอฟท์แอนด์สลิม แบบกลางคืน มีปีก
16.เอลิส แฟรี่วิงส์ แบบกลางคืน มีปีก (ขนาด 35 ซม.)
17.โมเดส คอตตอนนี่ สลิม ไนท์ แบบกลางคืน มีปีก
18.วิสเปอร์ ผ้าอนามัยแบบกลางคืน มีปีก
19.DONNA Night แบบกลางคืน มีปีก
และผ้าอนามัยสำหรับกลางวัน-กลางคืน 1 ตัวอย่าง คือ
20.เอลิส แฟร์รี่วิงส์ แบบกลางคืน มีปีก (ขนาด 30 ซม.)
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผ้าอนามัยเลขที่ มอก. 295 – 2560 ได้กำหนดไว้ทั้งขนาดและเกณฑ์ความคลาดเคลื่อน ครอบคลุมถึงวิธีการทดสอบ
ด้านลักษณะการใช้งาน
1.การซึมซับ ต้องไม่มีสารละลายซึมเปื้อนออกมานอกขอบเนื้อในหรือเปื้อนกระดาษกรองหรือเปื้อนด้านล่างของผ้าอนามัย
2.เวลาการซึมซับ ต้องไม่เกิน 15 วินาที
3.มีค่าความเป็นกรด- ด่าง อยู่ระหว่าง 5.0 – 8.5
จากผลการทดสอบผ้าอนามัยทั้ง 20 ตัวอย่างพบว่า ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการซึมซับคือไม่พบการซึมเปื้อนทั้ง 20 ตัวอย่าง ผ่านมาตรฐานความเป็นกรด- ด่าง ทั้ง 20 ตัวอย่าง ผ่านมาตรฐานระยะเวลาการซึมซับจำนวน 19 ตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยที่แสดงฉลากยี่ห้อที่ไม่ผ่านเวลาการซึมซับ 1 ยี่ห้อคือ โซฟี แบบกระชับ สลิม แบบกลางวัน ไม่มีปีก ที่ใช้เวลาการซึมซัมมากกว่า 60 วินาทีมากกว่าที่มาตรฐานกำหนดไว้ต้องไม่เกิน 15 วินาที
โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาองค์กรของผู้บริโภคเราทำงานเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค รวมทั้งสนับสนุนและดำเนินการ ตรวจสอบ เฝ้าระวังสถานการณ์ปัญหาสินค้าและบริการ แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารหรือเตือนภัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ที่อาจกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคด้วย นอกจากนี้ สภาฯ มีอำนาจตามกฎหมาย ในการรวบรวม และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก ซึ่งผ้าอนามัยก็ถือเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับผู้หญิงเพื่อรักษาความสะอาดและสุขอนามัยส่วนบุคคล ลดความเสี่ยงของการเกิดกลิ่นหรือการติดเชื้อต่างๆ ที่อาจตามมา รวมถึงบางหน่วยงานก็มีการนำผ้าอนามัยไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง สภาจึงเห็นความสำคัญที่จะมีการทดสอบสินค้าดังกล่าว ที่จะทำให้เกิดข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกของผู้บริโภค หน่วยงานรัฐ อย่างไรก็ตาม ผลทดสอบในครั้งนี้ หมายถึงเฉพาะล็อตรุ่นที่ได้นำมาสุ่มตรวจเท่านั้น ไม่รวมถึงล็อตรุ่นอื่นๆ ของสินค้า
“สินค้าที่สภาองค์กรของผู้บริโภคพิจารณาเพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังจะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยยังเป็นสินค้าจำเป็นที่ต้องสามารถเข้าถึงได้ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ควรดำเนินการทดสอบมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและหากยังไม่มีเกณฑ์มาตรฐานกำหนดไว้ชัดเจนหรือยังอยู่ในระดับต่ำก็ควรจะมียกระดับมาตรฐานตรงนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค”
คุณทัศนีย์ แน่นอุดร รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและบรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ กล่าวว่า ในภาพรวมผลทดสอบผ้าอนามัย ใช้ภายนอกแบบแถบกาวครั้งนี้นับว่าผ่านมาตรฐานทั้งหมด แม้จะมี 1 ตัวอย่างใช้เวลาการซึมซัมมากกว่า 60 วินาทีมากกว่าที่มาตรฐานกำหนดไว้ต้องไม่เกิน 15 วินาที
*“สิ่งที่อยากสื่อสารกับผู้บริโภคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือข้อสังเกตจากการทำงานทดสอบในครั้งนี้กล่าวคือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผ้าอนามัยเลขที่ มอก. 295 – 2560 ที่ใช้อ้างอิงและทำการทดสอบ เป็นมาตรฐานแบบสมัครใจ การยื่นจดแจ้งเพื่อผลิตและจำหน่ายผ้าอนามัยของผู้ประกอบการ จึงไม่ต้องดำเนินการตามมาตรฐานใดไม่เหมือนมาตรฐานแบบบังคับ นอกจากนี้เมื่อพิจารณาจากมาตรฐานของต่างประเทศ เช่น ประเทศจีนได้กำหนดค่าความคลาดเคลื่อนของขนาดผ้าอนามัยไว้น้อยกว่ามอก. 295 – 2560 ส่วนประเทศญี่ปุ่นก็ได้กำหนดค่าความกรด-ด่าง ที่เป็นกลางมากกว่ามาตรฐานที่เรามีอยู่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของราคาที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ชิ้นละ 4 บาท ซึ่งอาจไม่เป็นปัญหาต่อวัยทำงาน มีรายได้ แต่ในวัยรุ่นที่เป็นประจำเดือนตั้งแต่ช่วงอายุ 12 – 13 ปี นับว่ามีราคาค่อนข้างสูง” “ข้อสังเกตต่อผู้บริโภคกล่าวคือแม้ทุกตัวอย่างจะผ่านมาตรฐานความเป็นกรด- ด่าง ที่กำหนดไว้ 5.0 – 8.5 ทั้ง 20 ตัวอย่าง แต่ก็ยังไม่อาจรับประกันว่าผู้ที่มีความอ่อนไหวต่อผิวสัมผัสจะไม่แพ้ได้เพราะมีหลายปัจจัย นอกจากนี้การทดสอบครั้งนี้ไม่ได้ทดสอบเปรียบเทียบไปถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตที่จะเห็นว่ามีการกล่าวอ้างว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ผ้าอนามัยบางลงแต่ยังมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมแต่ก็ทำให้มีราคาสูงขึ้นด้วย ข้อมูลจากการทดสอบครั้งนี้จึงแม้ไม่พิจารณาข้อมูลทางด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี ผู้บริโภคก็สามารถนำไปเลือกซื้อ เลือกใช้ผ้าอนามัยให้คุ้มค่าได้ตามสมควร”
ด้าน ภญ.สุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับระหว่าง กองควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย อย. สำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค, สมาคมเพศวิถีศึกษา และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พบว่าผ้าอนามัยเป็นสินค้าที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ โดยในต่างประเทศพบว่ามีผู้ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดที่มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียก่อโรค ดังนั้น อย. โดยกองควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย จึงได้มีการตรวจทดสอบความปลอดภัยของผ้าอนามัยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการตรวจเฝ้าระวังในมิติด้านเชื้อที่อาจปนเปื้อนและเป็นอันตรายต่อร่างกาย และที่ผ่านมาไม่พบเชื้อที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัย พบการผื่นแพ้ ระคายเคือง หรือพบการติดเชื้อจากการใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัย สามารถแจ้งข้อมูลมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สายด่วน อย.1556 ได้เช่นกัน อย.เอง ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ เห็นว่าการทำงานเฝ้าระวังของภาคประชาชน นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของกระบวนการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในทุกด้าน รวมทั้งจะสามารถยกระดับด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เห็นว่างานคุ้มครองผู้บริโภคจะต้องก้าวไปด้วยกัน เป็นทีมเดียวกัน ทั้ง ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ หน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ
จิตติมา ภาณุเตชะ นายกสมาคมเพศวิถีศึกษา กล่าวว่า คุณสมบัติหลักสำคัญของผ้าอนามัยคือการซึมซับ ผลทดสอบการจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดพบว่าซึมซับได้เหมือนกัน เป็นที่ทราบกันว่าคุณสมบัติการซึมซับ ขนาดความบางของผ้าอนามัยถูกนำเสนอเป็นจุดขายเสมอ ถูกนำไปเป็นประเด็นทางการตลาดและส่งผลให้ ราคาของผ้าอนามัย มีความแตกต่างกันมาก เพราะว่ายิ่งบาง ยิ่งแพง ผู้หญิงในฐานะผู้บริโภค หากได้รับข้อมูลนี้ก็จะตัดสินใจเลือกใช้สินค้าได้มากขึ้น ข้อค้นพบจากการทดสอบจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยการตัดสินใจสำหรับผู้หญิงได้
ประเด็นสำคัญอีกประการคือ เรื่องการเข้าถึงผ้าอนามัยของผู้หญิง นโยบายด้านสุขภาพระบบสุขภาพและสวัสดิการ ควรมุงสู่การส่งเสริมเรื่องสุขภาพและอนามัยเจริญพันธ์ให้กับผู้หญิง การทำให้ผ้าอนามัยเป็นสิทธิสุขภาพ เป็นหนึ่งในรูปธรรมสำคัญของการสนับสนุนการดูแลสุขภาพอนามัยสำหรับผู้หญิง ในโอกาสที่ทางสภาผู้บริโภค ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมมือกันทดสอบคุณภาพของผ้าอนามัย จึงเสนอให้ยกระดับว่าจะจุดประกายเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นทางสังคม เพราะทุกวันนี้ ผ้าอนามัย อยู่ในกลุ่มเครื่องสำอาง ในขณะที่ถุงยางอนามัย และ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ ซึ่งทั้งถุงยางอนามัยและผ้าอ้อมผู้ใหญ่อยู่ในสิทธิตามหลักประกันสุขภาพ
ผ้าอนามัยจึงควรเป็นสวัสดิการสำหรับเด็กผู้หญิงและผู้หญิงกลุ่มเปราะบาง เครือข่ายคนทำงานเรื่องสุขภาพผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ เรียกร้องเรื่องนี้มาโดยตลอด รัฐที่ให้ความสำคัญกับสิทธิอนามัยเจริญพันธ์และสุขภาพทางเพศ ควรมีนโยบายให้ ผ้าอนามัยเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง โดยเฉพาะกลุ่มแม่วัยรุ่น ที่ต้องการดูแลอย่างรอบด้านหลังคลอด การให้ผ้าอนามัยเพื่อการซับน้ำคาวปลาหลังคลอดดูเป็นเรื่องความจำเป็น จากสถิติย้อนหลังเรามีแม่วัยรุ่นคลอดประมาณเกือบห้าหมื่นรายต่อปี การคลอดของแม่วัยรุ่น ย้อนหลัง 3 ปี ได้แก่ ปี 2565 จำนวน 42,457 คน ในปี 2566 จำนวน 42,338 คน และปี 2567 จำนวน 37,639 คน สำหรับหญิงวัยรุ่นที่คลอดลูก ส่วนใหญ่มักมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ และรายได้ในครัวเรือนที่ไม่เพียงพอ อาจไม่สามารถซื้อหรือจัดหาผ้าอนามัยที่เพียงพอต่อการจัดการด้านสุขภาวะอนามัยได้ เนื่องจากต้องใช้อนามัยสำหรับการซับน้ำคาวปลาเฉลี่ยวันละ 8 ชิ้น และต้องใช้อย่างต่อเนื่องถึง 3-6 สัปดาห์ ดังนั้น แม่วัยรุ่นต้องใช้ผ้าอนามัยอย่างน้อย 168 ชิ้น (3 สัปดาห์) ทำให้มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้จำนวนมาก**
ทั้งนี้ การทดสอบผ้าอนามัยนอกจากผู้บริโภคมีสิทธิ์ที่จะได้ทราบถึงประสิทธิภาพของผ้าอนามัยซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะบริโภคสินค้าที่ปลอดภัยด้วย จึงจำเป็นที่ต้องมีการตรวจเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องและสื่อสารให้ประชาชนได้รับทราบถึงความปลอดภัย เช่น ความเป็นกรด ด่าง หรือการไม่พบเชื้อก่อโรคในปริมาณที่อาจเป็นอันตรายของผ้าอนามัย เพื่อให้ผู้บริโภคเลือกซื้อได้อย่างถูกต้องและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของผู้หญิงไทย และยกระดับคุณภาพของผ้าอนามัยที่วางจำหน่ายในประเทศให้เป็นมิตรต่อผู้หญิงไทยด้วย








