วันที่ 3 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 10.15 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ นายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการ กปร. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปยังฐานปฏิบัติการบ้านบ่อแร่ หมวดปืนเล็กที่ 2 กองร้อยทหารราบที่ 1422 ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เพื่อเชิญถุงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ผู้ปฏิบัติงานหน่วยความมั่นคง จำนวน 19 ถุง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ฐานปฏิบัติการบ้านบ่อแร่ จำนวน 9 ถุง และเจ้าหน้าที่ฐานปฏิบัติการพันโทสวงค์ อิ่มแล่ม บ้านเลตองคุ จำนวน 10 ถุง โอกาสนี้ องคมนตรีให้โอวาทแก่ผู้ปฏิบัติงานและรับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง
จากนั้น องคมนตรีและคณะ เดินทางไปยังโครงการหมู่บ้านยามชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านมะโอโคะอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เพื่อเชิญสิ่งของพระราชทาน ประกอบด้วย เสื้อกันหนาวเด็ก มอบให้แก่เด็กในพื้นที่โครงการ จำนวน 62 ตัว และถุงพระราชทาน มอบให้แก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 104 ถุง ได้แก่ ราษฎรในพื้นที่ จำนวน 62 ถุง และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ จำนวน 42 ถุง
ช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะ เยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานของหน่วยงานร่วมโครงการฯ จำนวน 16 หน่วยงาน พร้อมทั้ง สร้างฝายและให้อาหารปลา จากนั้น เยี่ยมชมโครงการสนับสนุนโรงน้ำดื่มสะอาดเพื่อชุมชน โอกาสนี้รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของโครงการหมู่บ้านยามชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านมะโอโคะ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2542 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎร ณ หมู่บ้านรวมไทยพัฒนาที่ 1 ตำบลรวมไทยพัฒนา อำเภอพบพระ จังหวัดตาก และได้มีพระราชเสาวนีย์ “ให้หาราษฎรชาวไทยภูเขาที่สมัครใจไปเป็นยามตามแนวชายแดนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ต่อมากองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งโครงการหมู่บ้านยามชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านมะโอโคะ ซึ่งขึ้นอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่กลองและป่าอุ้มผาง สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ย 650 เมตร มีแหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญ ได้แก่ ห้วยแม่จอผาโด้ และห้วยแม่จัน มีพื้นที่โครงการ 17,810 ไร่ และพื้นที่ป่าไม้ที่ทำกิน และที่ตั้งชุมชน พื้นที่สำหรับการใช้ประโยชน์ที่ดิน จำนวน 1,640 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม จำนวน 833 ไร่ พื้นที่อยู่อาศัย จำนวน 40 ไร่ และพื้นที่อนุรักษ์ป่าต้นน้ำ จำนวน 767 ไร่ โดยราษฎรในพื้นที่มีรายได้จาก การรับจ้าง การทำเกษตร การปศุสัตว์ การทอผ้า และการทำเครื่องเงิน
ปัจจุบัน ราษฎรในพื้นที่ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านการพัฒนาอาชีพ การคมนาคม และการสาธารณสุข ทั้งยังรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้ชุมชนอยู่ร่วมกับป่า อย่างยั่งยืนกองประชาสัมพันธ์สำนักงาน กปร.