ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัยวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา ครบ 100 ปี พุทธศักราช 2568
วันนี้ (24 พฤศจิกายน 2568) เวลา 17.10 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัยวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา ครบ 100 ปี พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
ครั้นเมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง เสด็จเข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ ประจำรัชกาลที่ 6 และพระพุทธรูปประจำวันประสูติของพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งประดิษฐานในพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยกราบถวายบังคมพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งประดิษฐานที่พระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยกราบถวายบังคมพระอัฐิ ทรงกราบ จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อาลักษณ์ กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา เมื่ออาลักษณ์อ่านประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ จบ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ อาลักษณ์เชิญพานหีบพระสุพรรณบัฏทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเบื้องหน้าพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพานพระสุพรรณบัฏเบื้องหน้าพระโกศพระอัฐิ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา ทรงกราบ ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัยวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา ครบ 100 ปี แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระราชาคณะ และสมเด็จพระราชาคณะที่ถวายพระธรรมเทศนา แล้วทรงประเคนพัดรองที่ระลึก ฯ แด่พระราชาคณะเจ้าคณะรอง และพระราชาคณะ จนครบ 86 รูป จากนั้น พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปปักที่จงกลธรรมาสน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร สำหรับพระอัฐิทรงธรรม สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง “กตัญญูกตเวทิตากถา” จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ ทรงทอดผ้าไตร เที่ยวแรก จำนวน 18 ไตร และทรงถวายย่ามที่ระลึกพระราชพิธี ฯ แด่พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และถวายพระธรรมเทศนา แล้วพระสงฆ์สดับปกรณ์พระอัฐิ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ต่อจากนั้น ทรงทอดผ้าไตร และทรงถวายย่ามที่ระลึกพระราชพิธี ฯ ทรงปฏิบัติเช่นนี้จนครบ 68 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ เสร็จแล้ว ทรงกราบพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ ประจำรัชกาลที่ 6 และพระพุทธรูปประจำวันประสูติของพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบถวายบังคมพระอัฐิ ที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา เป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า ซึ่งประสูติแต่พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ประสูติ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาศ ในหมู่พระมหามณเฑียร พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2468
เมื่อแรกประสูติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา ต่อมาเมื่อพุทธศักราช 2470 เปลี่ยนคำนำพระนามเป็น สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา ครั้นถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปลี่ยนคำนำพระนามเป็น สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา ทรงเป็นสมเด็จพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่ ผู้เป็นที่เคารพเทิดทูนยิ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า เมื่อครั้งยังทรงมีพระชนม์อยู่ ทรงดำรงพระองค์เป็นแบบอย่างของขัตติยราชนารี ผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาการุญ ทรงพระอัธยาศัยสุภาพสมขัตติยชาติ ทรงพระศรัทธามั่นในพระพุทธศาสนา และทรงรักษาพระเกียรติศักดิ์แห่งความเป็นราชนารีในมหาจักรีบรมราชวงศ์ไว้โดยตลอดพระชนม์ชีพ ทรงพระอุตสาหะมุ่งมั่นสืบสานพระราชกิจจานุกิจ และประกาศพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า สมเด็จพระบรมชนกนาถ อย่างยิ่งยวด ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจแบ่งเบาพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อย่างเต็มพระกำลังตลอดมา ทรงเอาพระทัยใส่อุปถัมภ์สถาบันการศึกษา หน่วยทหาร โรงพยาบาล มูลนิธิ สมาคม สโมสรลูกเสือ เนตรนารี องค์กรสาธารณสงเคราะห์ และกิจการอาสาสมัครไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อประโยชน์แก่ราษฎร ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2554 สิริพระชันษา 85 ปี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กำหนดการพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัยวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา ครบ 100 ปี พุทธศักราช 2568 ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ขึ้น ด้วยทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระคุณูปการแห่งสมเด็จพระราชปิตุจฉาที่ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนานัปการ เพื่อนำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่อาณาราษฎร และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่บ้านเมืองสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน








