กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เปิดฉากงานวิชาการระดับโลก “Kraam International Symposium 2025” อย่างเป็นทางการในวันนี้ ภายใต้แนวคิด “HANDS ACROSS CULTURE” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ โดยได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และทรงร่วมกิจกรรมสำคัญเพื่อผลักดันภูมิปัญญาผ้าครามไทยให้เป็นที่ประจักษ์บนเวทีโลก
ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้เสด็จพระราชดำเนินถึง เอ็ม ทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ในเวลา 16.15 น. โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และประชาชน เฝ้าฯ รับเสด็จ จากนั้นทรงเสด็จเข้าสู่บริเวณ EM MARKET HALL เพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการ "Global Forum on Arts & Craftsmanship Hands Across Culture Kraam International Symposium 2025" และเยี่ยมชมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาผ้าไทยและผ้าย้อมครามจากผู้ประกอบการกว่า 22 ร้านค้า ก่อนจะเสด็จขึ้นสู่ชั้น 14 EMSKYE เพื่อทรงเป็นประธานในงานวิชาการ
ลำดับถัดมาในเวลา 17.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กราบทูลเชิญเสด็จฯ ทรงกล่าวเปิดงานวิชาการและกล่าวต้อนรับคณะวิทยากรทั้งไทยและต่างประเทศ โดยไฮไลต์สำคัญคือการบรรยายพิเศษจากภัณฑารักษ์และผู้เชี่ยวชาญระดับโลก 3 ท่าน
เริ่มต้นด้วยหัวข้อ “มรดกแห่งงานหัตถศิลป์ : ศิลปวัตถุไทย ใน Musée des Arts Décoratifs in Paris” โดย Béatrice Quette ภัณฑารักษ์จากพิพิธภัณฑ์ Musée des Arts Décoratifs กรุงปารีส ได้ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ทางศิลปะอันยาวนานระหว่างไทยและฝรั่งเศส โดยพาผู้เข้าร่วมงานย้อนกลับไปสำรวจคอลเล็กชันศิลปวัตถุหายากที่ทางพิพิธภัณฑ์ได้เก็บรวบรวมไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1864 ซึ่งถือเป็นสถาบันบุกเบิกที่ให้ความสำคัญกับศิลปะเอเชีย โดยเฉพาะในช่วงปี 1890-1910 ที่มีการสะสมทั้งวัตถุจัดแสดง เครื่องแต่งกาย และสิ่งทอ เพื่อรวบรวมเทคนิคและลวดลายที่ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมถึงเครื่องกระเบื้องเบญจรงค์ที่ได้มาในช่วงปี 1905-1916 และอัลบั้มภาพถ่ายประวัติศาสตร์หายากของราชวงศ์ไทยในช่วงทศวรรษ 1890 นอกจากนี้ ยังเปิดเผยถึงไฮไลต์สำคัญคือ ฉลองพระองค์ชุดราตรี ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ตัดเย็บจากผ้าไหมมัดหมี่ไทยโดยห้องเสื้อ Balmain ซึ่งเตรียมนำมาจัดแสดงในนิทรรศการยิ่งใหญ่ “La Mode en Majesté” ณ กรุงปารีส ในปี 2026 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ฝรั่งเศสอีกด้วย
ต่อด้วยการบรรยายหัวข้อ “การถักทออันทรงคุณค่า : อดีตและอนาคตของงานหัตถกรรมไทยใน Victoria and Albert Museum” โดย Louis Copplestone จากพิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและอัลเบิร์ต โดยเจาะลึกเรื่องราวของ “ทองถัก” (Woven Gold) ผ่านผลงานเครื่องประดับชิ้นเอก ทั้งสร้อยคอและต่างหูที่รังสรรค์โดย สันติ วงศ์จันทร์ และนิพนธ์ ยอดคำปัน สองอาจารย์ช่างทองฝีมือเยี่ยมจากวิทยาลัยในวังหญิง (Royal College of Goldsmiths) ผลงานเหล่านี้โดดเด่นด้วยเทคนิคการทำทองลงยาและงานเดินลวดทองละเอียด (Fine Filigree) ที่ถักทอเส้นทองเสมือนเส้นด้าย เลียนแบบรูปทรงของดอกปีบ (Indian Cork Tree) ซึ่งเป็นการฟื้นคืนชีพเทคนิคช่างทองหลวงสมัยอยุธยาที่เกือบจะสูญหายไป ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง งานชิ้นนี้ไม่เพียงแต่เบลอเส้นแบ่งระหว่างงานโลหะและงานสิ่งทอได้อย่างน่าทึ่ง แต่ยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทของงานหัตถกรรมดั้งเดิมที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจและเป็นรากฐานสำคัญให้กับการออกแบบร่วมสมัยในเวทีโลกได้อย่างงดงาม
และปิดท้ายกับหัวข้อ “ต่อยอดภูมิปัญญาการย้อมครามแห่งญี่ปุ่น” โดย Kenta Watanabe ผู้ก่อตั้ง Watanabe's Co., Ltd. ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่า เกี่ยวกับกระแสอุตสาหกรรมที่ทำให้การย้อมครามดั้งเดิมของญี่ปุ่นค่อย ๆ เลือนหาย คุณเคนตะได้ลุกขึ้นมาฟื้นฟูจิตวิญญาณแห่ง “Awa Ai” (วัฒนธรรมครามแห่งโทกูชิมะ) ให้กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง โดยได้เล่าถึงกระบวนการผลิตครามแบบครบวงจรที่เรียกว่า “Seed-to-Dye” ซึ่งใส่ใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูกต้นคราม การทำ "Sukumo" (ใบหมักคราม) ไปจนถึงการย้อมสีธรรมชาติและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีการหมักแบบโบราณที่เรียกว่า Tennen Aku-Hakkōdate ซึ่งใช้วัตถุดิบธรรมชาติล้วน ๆ อย่างขี้เถ้าไม้ ปูนเปลือกหอย และรำข้าว เพื่อเลี้ยงจุลินทรีย์ในถังย้อมให้เติบโต กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์สีสันที่งดงามและมีมิติ แต่ยังสะท้อนถึงปรัชญาความสมดุลที่ยั่งยืนระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และงานฝีมือชั้นสูง
ภายหลังเสร็จสิ้นการเสวนาวิชาการ ในเวลา 19.00 น. พระองค์ได้ทรงพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อต้อนรับคณะวิทยากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องรับรอง ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ
งาน “Kraam International Symposium 2025” นับเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงภูมิปัญญาช่างทอผ้าไทยเข้ากับมุมมองสากลผ่านแนวคิด "HANDS ACROSS CULTURE" เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าครามไทยให้ตอบโจทย์ตลาดโลก ตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โดยเนื้อหาการเสวนาวิชาการเจาะลึกทั้งในมิติประวัติศาสตร์และการต่อยอดสู่อนาคต
นอกจากองค์ความรู้ทางวิชาการ ภายในงานยังมีโซน Kraam Market ให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าครามคุณภาพเยี่ยม จำนวน 22 ร้านค้า อาทิ กลุ่มจันทร์ศรีฝ้ายทอ จังหวัดลำพูน ที่ย้อมสีห้อม และนำไปทอเป็นผ้าลายกะเหรี่ยง / กลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านดอนกลอยจังหวัดสกลนคร ที่พัฒนาต่อยอดด้วยการประยุกต์ลายผ้าเก่าผสมผสานข้ามรายใหม่ ด้วยเทคนิคต่างๆ พร้อมใส่เรื่องราวในลายผ้า / กลุ่มตานีสยาม บ้านช่างสกุลบายศรี จังหวัดราชบุรี ที่นำส่วนต่างๆ ของกล้วย มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่น ด้วยการออกแบบที่สวยงาม ทันสมัย และกลุ่มราตรีกระจูด ที่ออกแบบเครื่องจักสานจากกระจูดให้มีรูปแบบ เป็นสากล เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาด
และ นิทรรศการ Global Forum on Arts & Craftsmanship Hands Across Culture Kraam International Symposium 2025 ให้ความรู้เกี่ยวกับผ้าครามไทย ที่จัดแสดงผลงานการออกแบบชุดผ้าครามโดยดีไซเนอร์ชั้นนำ อาทิ SIRIVANNAVARI, ISSUE Thailand, JANESUDA และ WISHARAWISH ผู้สนใจสามารถร่วมงานได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 22 พฤศจิกายน 2568 ณ ชั้น 14 เอ็มทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ได้บน www.cdd.go.th Facebook: ผ้
าไทยใส่ให้สนุก








