ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พาครอบครัวมามาสูบสระในร่องนาของตนเอง เพื่อจับปลาเตรียมนำมาประกอบอาหาร รับประทานและเลี้ยงต้อนรับญาติพี่น้องที่จะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านช่วงปีใหม่ หลังต้องอพยพถึง 2 ครั้ง ทำให้ขาดรายได้และไม่มีเงิน ส่วนเงินที่มีเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 พบว่าในหลายพื้นที่ เริ่มได้มีประชาชนที่ไปทำงานยังกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด รวมถึงประชาชนที่อพยพไปอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราว ในช่วงเกิดเหตุการณ์สถานการณ์สู้รบ ทยอยเดินทางเข้ามายังหมู่บ้าน ที่อยู่ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กันเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกัน หลังสถานการณ์ดีขึ้น และกองทัพภาคที่ 2 ได้อนุญาตให้ชาวบ้านเดินทางเข้ามาในพื้นที่ได้ตามปกติ
โดยในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ปีนี้ พบว่าบรรยากาศตามหมู่บ้าน ที่อยู่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ โดยรวมยังไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจในสถานการณ์ชายแดน และยังคงดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความวิตก ซึ่งก็ยังไม่ค่อยพบว่ามีการจัดเลี้ยงสังสรรค์ หรือเฉลิมฉลองดื่มกินกันเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ พบว่าได้มีชาวบ้านบางส่วน ได้เริ่มมีการจัดเตรียมหาข้าวปลาอาหาร ที่ยังพอหามาได้ในพื้นที่ มาจัดเตรียมเพื่อรอรับญาติพี่น้องและบุคคลในครอบครัว ที่จะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้รับประทานดื่มกินกัน เพราะไม่สามารถออกไปหาซื้อจากท้องตลาดเหมือนทุกครั้ง เนื่องจากไม่มีรายได้ และต้องสำรองเงินที่มีอยู่ไว้ใช้ในยามจำเป็น หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาอีก
เช่นเดียวกับครอบครัวของ นายประจักษ์ จี่พิมาย อายุ 57 ปี ชาว ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ที่ได้พาลูกเมียและญาติพี่น้องบางส่วน ออกมาสูบสระในร่องนาของตนเอง เพื่อจับปลาเตรียมไว้นำมาประกอบอาหาร และเก็บไว้เลี้ยงต้อนรับลูกหลานและญาติๆ ที่จะเดินทางกลับจากทำงานยังกรุงเทพและต่างจังหวัด ทั้งยังเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายอีกด้วย
โดยหลังน้ำลดสิ่งที่ได้ ก็มีทั้งปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอ ปาตะเพียน ปลานิล ปลาขาว และปลาอื่นๆ ซึ่งเป็นปลาตามธรรมชาติ รวมถึงหอยโข่ง หอยเชอรี่ ซึ่งจะมีการคัดเลือกปลาตามขนาด หากปลามีขนาดใหญ่ก็จะเก็บไว้เป็นอาหาร ส่วนปลาขนาดเล็กก็นำไปปล่อยยังสระน้ำ เพื่อให้โตรอไว้จับในช่วงสงกรานต์ต่อไป
นายประจักษ์ บอกว่า กลับจากศูนย์พักพิงชั่วคราวมาอยู่บ้านได้ 2-3วันแล้ว วันนี้จึงพากันมาสูบปลาไว้กินปีใหม่ เพื่อไว้รับลูกหลานที่จะกลับมาบ้านได้กินกัน ซึ่งสถานการณ์ชายแดนในตอนนี้ก็ยังเงียบดี และอยากให้เงียบแบบนี้ต่อไป เพราะทุกวันนี้ก็ยังอยู่แบบหวาดผวา และเตรียมพร้อมตลอดเวลา หากเกิดสถานการณ์ขึ้นอีก หรือถ้าได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ก็จะรีบวิ่งไปหลบในหลุมบังเกอร์ข้างบ้าน ที่สร้างไว้ทันที ส่วนที่มาสูบปลาไว้ทำอาหารกินนั้น เนื่องจากต้องอพยพมาแล้วถึง 2 ครั้ง จึงทำให้ไม่ค่อยมีเงินใช้จ่าย ส่วนปลาที่จับได้ในวันนี้ ก็จะนำไปย่างและก็ต้ม ตัวเล็กจะนำไปปล่อยที่บ่อในสวน เพื่อจะได้เอาไว้กินตอนช่วงสงกรานต์ นายประจักษ์ ยังได้แสดงความคิดเห็นด้วยว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์สู้รบขึ้นอีก ขอให้รัฐบาลและทหารจัดการให้เด็ดขาด ไม่ต้องคุยไม่ต้องเจรจาแล้ว เอาให้ราบคาบ เอามันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย เพราะคุยแล้วหลายครั้งก็ยังเป็นเหมือนเดิม
ภูมิภาค-54