วันที่ 27 ธ.ค.2568 บรรยากาศการเปิดรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้งวันแรกของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดนราธิวาส ได้ใช้พื้นที่บริเวณ หอประชุมเฉลิมเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ภายในศาลากลางจังหวัดนราธิวาส (หลังเก่า) ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส เป็นสถานที่รับสมัคร
ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆ เดินทางมารอก่อนเวลาเปิดรับสมัครอย่างล้นหลาม เพื่อต้องการลำดับคิวในการชิงหมายเลขลำดับต้นๆ ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่าเบอร์ที่น้อยจะช่วยให้ประชาชนจดจำได้ง่ายและสะดวกต่อการรณรงค์หาเสียง อันเป็นปัจจัยสำคัญสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
จากการตรวจสอบพบว่า มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครเข้าร่วมชิงชัยในวันแรกอย่างน้อย 8 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน พรรครวมไทยสร้างชาติ
ต่อมาพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่เดินทางมาให้กำลังใจผู้สมัครในสังกัดด้วยตัวเอง โดยในรอบนี้พรรคประชาชาติได้ส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ครบทั้ง 5 เขตเลือกตั้ง ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น
บริเวณภายนอกหอประชุมฯ มีกลุ่มหัวคะแนนและผู้สนับสนุนของแต่ละพรรคการเมืองรวมแล้วกว่า 10,000 คน เดินทางมาปักหลักรอให้กำลังใจผู้สมัครที่ตนชื่นชอบ มีการชูป้ายหาเสียงและรูปภาพผู้สมัครสลับกับเสียงโห่ร้องเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหว นอกจากนี้ยังมีการมอบพวงมาลัยและดอกกุหลาบสีแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งกำลังใจ
ที่เป็นจุดเด่นคือกลุ่มกองเซียร์ของพรรคประชาชาติ ได้ร่วมกันกล่าวคำ ‘ตัรเบร’ (สรรเสริญองค์อัลลอฮ์) เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการขับเคลื่อน การเมืองสีขาวโดยประกาศเจตน์จำนงว่าผู้สมัครในกลุ่มของตนเป็นผู้มีความสะอาด โปร่งใส และไม่มีประวัติสีเทา เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง
ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองวางกำลังดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยกระบวนการรับสมัครในภาพรวมยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สำหรับ รายชื่อผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 5 เขต มีความน่าสนใจมากเพราะเป็นการแข่งขันของทั้งอดีต ส.ส. เจ้าของพื้นที่ และผู้ท้าชิงหน้าใหม่จากพรรคใหญ่ โดย
เขตเลือกตั้งที่ 1 (อ.เมือง, อ.ยี่งอ)
• หมายเลข 1: นายรุสลัน โต๊ะปาเก (ประชาธิปัตย์)
• หมายเลข 2: นายอับดุลการีม อัสมาแอ (ประชาชาติ)
• หมายเลข 3: นายวัชระ ยาวอหะซัน (ภูมิใจไทย)
• หมายเลข 4: นายลุตฟี หะยีอีแต (กล้าธรรม)
• หมายเลข 5: นายปารมี พิมานแมน (รวมไทยสร้างชาติ)
เขตเลือกตั้งที่ 2 (อ.ตากใบ, อ.สุไหงโก-ลก)
• หมายเลข 1: น.ส.สุคนธ์ทิพย์ ศรีสุวรรณ์ (เพื่อไทย)
• หมายเลข 2: นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ (กล้าธรรม)
• หมายเลข 3: นายฮัมรัน เทพลักษณ์ (ประชาชน)
• หมายเลข 4: นายชัยวัฒน์ จันทรการ (ประชาธิปัตย์)
• หมายเลข 5: นายเจ๊ะซู ตาเหย็บ (พลังประชารัฐ)
หมายเลข 6 นายมูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ พรรคประชาชาติ
เขตเลือกตั้งที่ 3 (อ.แว้ง, อ.สุไหงปาดี, อ.เจาะไอร้อง)
• หมายเลข 1: นายแวรุสลัน มะสาและ (ภูมิใจไทย)
• หมายเลข 2: นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ (กล้าธรรม - พี่ชายอามินทร์)
• หมายเลข 3: นายสูเด็ง ตอเฮ (ประชาชาติ)
เขตเลือกตั้งที่ 4 (อ.ระแงะ, อ.จะแนะ, อ.สุคิริน)
• หมายเลข 1: นายกูเฮง ยาวอหะซัน (ประชาชาติ)
• หมายเลข 2: นายกอเซ็ง มะเซ็ง (ประชาธิปัตย์)
• หมายเลข 3: นายอดิศร อาแวเต๊ะ (กล้าธรรม)
• หมายเลข 4: นายอักบัร เชราลี (ประชาชน)
• หมายเลข 5: นายซาการียา สะอิ (ภูมิใจไทย)
เขตเลือกตั้งที่ 5 (อ.บาเจาะ, อ.รือเสาะ, อ.ศรีสาคร)
• หมายเลข 1: นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ (ประชาชาติ)
• หมายเลข 2: นายมะสกรี สาและ (ภูมิใจไทย)
• หมายเลข 3: นายอดิศร เย็ง (ประชาธิปัตย์)
• หมายเลข 4: นายบาสรี มะเซ็ง (เพื่อไทย)
พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า พรรคประชาชาติมีความมั่นใจต่อผู้สมัครทั้ง 5 เขตเลือกตั้งในจังหวัดนราธิวาส โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ ครบทุกเขต รวมถึงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อื่นๆ รวมทั้งหมด 13 เขตเลือกตั้ง
"การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งธรรมดา แต่เป็นการเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตที่มองไม่เห็นทางออก พรรคประชาชาติขออาสามาเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้กับพี่น้องประชาชน" หัวหน้าพรรคประชาชาติ ระบุ
พ.ต.อ.ทวี ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกตั้งในครั้งนี้ว่ามีความพิเศษกว่าครั้งก่อน เนื่องจากจะมีบัตรเลือกตั้งและคำถามพ่วง รวม 3 ส่วน คือ สส.แบบแบ่งเขต, บัตรเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ, และบัตรออกเสียงประชามติ
"ในรัฐธรรมนูญปี 2560 จังหวัดนราธิวาส เป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนผู้ไม่เห็นชอบสูงเป็นอันดับ 2 รองจากปัตตานี ดังนั้นการลงคะแนนในใบที่ 3 เพื่อแสดงเจตนารมณ์แก้รัฐธรรมนูญจึงเป็นวาระสำคัญที่พี่น้องประชาชนต้องไปใช้สิทธิด้วยตัวเอง เพราะไม่สามารถลงคะแนนล่วงหน้าได้"
หัวหน้าพรรคประชาชาติ ยังได้กล่าวถึงกระแสการใช้เงินในการเลือกตั้งในพื้นที่ โดยเปรียบเทียบว่าการรับเงินอาจช่วยได้เพียงวันเดียว แต่การแก้ปัญหาเชิงนโยบายจะช่วยคืนชีวิตที่ดีให้ประชาชนอย่างยั่งยืน การแก้หนี้ พรรคมีนโยบายปลดหนี้สินให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ที่ดินทำกิน แก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่อง "ป่ารุกคน" ที่ยืดเยื้อมานานหลายสิบปีหรือนับร้อยปี ให้พี่น้องที่อยู่อาศัยในเขตป่าได้รับสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมาย
"เงิน 3-4 พันบาทใช้เพียงวันเดียวก็หมด แต่การแก้ปัญหาระดับโครงสร้างผ่านนโยบายของพรรคประชาชาติ คือการเอาชีวิตและศักดิ์ศรีของพี่น้องประชาชนกลับคืนมา" พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ขณะที่ สมาชิกพรรคประชาชน (ปชน.) ในจังหวัดนราธิวาส ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองและสภาวะเศรษฐกิจนราธิวาสและจังหวัดใกล้เคียงกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก กำลังซื้อซบเซา ซึ่งสภาวะดังกล่าวได้กลายเป็นช่องว่างให้กลุ่มอิทธิพลและ "ทุนสีเทา" พยายามเข้ามามีบทบาทในพื้นที่มากขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเศรษฐกิจแย่ เงินจากธุรกิจที่ไม่เปิดเผยหรือ "เงินเทา" จะเริ่มไหลเข้ามาแรงมาก โดยเฉพาะในช่วงที่เริ่มมีการขยับตัวทางการเมือง มีความพยายามที่จะใช้เม็ดเงินเหล่านี้เพื่อสร้างฐานเสียงหรือจูงใจชาวบ้านที่กำลังลำบาก
"ตอนนี้เงินเทาแรงจริงในพื้นที่นราธิวาส เพราะเศรษฐกิจมันไปไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ฝ่ายผู้มีอิทธิพลอาจจะประเมินค่าชาวบ้านต่ำไป คือความฉลาดและบทเรียนที่พวกเขาได้รับมาตลอดหลายปี" แหล่งข่าวระบุ
"ในนราธิวาส ไม่มีบ้านไหนที่พร้อมจะยอมรับยาเสพติด ทุกครอบครัวปฏิเสธสิ่งนี้กันทั้งนั้น เพราะพวกเขาเห็นลูกหลานพังพินาศมามากพอแล้ว ดังนั้น ใครก็ตามที่ถือเงินเทาเข้ามา หรือมีเบื้องหลังที่พัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย ชาวบ้านเขารู้หมด เขาดูออก และเขาฉลาดพอที่จะเลือก"
พรรคประชาชนในฐานะพรรคที่เน้นการทำงานเชิงอุดมการณ์ มั่นใจว่าการเลือกตั้งหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังจะมาถึง ชาวนราธิวาสจะเลือกที่นโยบายและการแก้ปัญหาระยะยาว มากกว่าการรับเศษเงินชั่วคราว
"พรรคประชาชนมั่นใจว่า พี่น้องชาวนราธิวาสจะไม่หลงกลเงินเทาแน่นอน เงินซื้ออุดมการณ์และอนาคตของลูกหลานเขาไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเกิดขึ้นจากความต้องการที่แท้จริงของคนในพื้นที่ ไม่ใช่จากเม็ดเงินที่แปดเปื้อนยาเสพติด" สมาชิกพรรคประชาชน กล่าว







