วันที่ 27 ธ.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ หอประชุมโรงละครแห่งชาติ สนามหน้าเมือง เมื่อช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆ พร้อมด้วยกองเชียร์จำนวนมากเดินทางมาให้กำลังใจ ส่งผลให้บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันและความตื่นตัวทางการเมือง
ไฮไลท์สำคัญของการรับสมัครในครั้งนี้ พุ่งเป้าไปที่ "เขตเลือกตั้งที่ 7" ซึ่งถือเป็นพื้นที่กระสุนตกและน่าจับตามองเป็นพิเศษ โดยมีผู้เสนอตัวลงสมัครชิงเก้าอี้ถึง 7 คน แต่คู่เอกที่คอการเมืองต่างให้ความสนใจคือการโคจรมาพบกันระหว่าง "ทนายเอี้ยง" นายนิติศักดิ์ มีขวด ทนายความชื่อดัง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น้องชาย ของ ทนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาสามาทวงคืนพื้นที่
โดยงานนี้ ทนายเอี้ยง ต้องลงสนามชนกับแชมป์เก่าเจ้าถิ่นอย่าง "บิ๊กโอ" นายก้องเกียรติ เกดุสมบัติ จากพรรคกล้าธรรม ซึ่งถือว่าเป็นมวยถูกคู่และถูกเวลาที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งนี้ ทางฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจนในการสู้ศึกครั้งนี้ว่า "จะไม่จับมือกับพรรคกล้า" โดยเน้นชูนโยบายการเมืองสุจริต ภายใต้สโลแกน "ไทยหายจน ไม่ทนทุนเทา" หวังดึงคะแนนเสียงจากชาวนครศรีธรรมราชที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงและความโปร่งใส
“เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วย อำเภอพิปูน อำเภอลานสกา อำเภอช้างกลาง อำเภอร่อนพิบูลย์ (เฉพาะตำบลหินตก ตำบลเสาธง เทศบาลตำบลหินตก) อำเภอฉวาง (เฉพาะตำบลห้วยปริก ตำบลนาเขลียง ตำบลนาแว ตำบลไสหร้า ตำบลละอาย และเทศบาลจันดี) จากการลงพื้นที่ได้รับกระแสตอบรับจากพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นปกติของ คนปักษ์ใต้ที่ มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง โดยเฉพาะ ภายหลังที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค กระแสความนิยมพุ่งขึ้นเป็นอย่างมาก ยิ่งการประกาศจุดยื่นไม่จับมือกับพรรคกล้าธรรม กระแสความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้น สังเกตุเห็นได้ชัดว่า คนปักษ์ใต้เริ่มให้ความสำคัญกับการเมืองสุจริต ไม่ยอมรับการเมืองสีเทา ที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยและสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างมหาศาล “ นายนิติศักดิ์ กล่าว








