ข่าวภูมิภาค

หัวใจแม่แทบสลาย “แม่จ่าเริง” วีรบุรุษเนิน 350 กอดรูปลูกชายร่ำไห้ วอนเร่งนำร่างออกจากสนามรบ อยากเห็นหน้าครั้งสุดท้าย  

แชร์ข่าว

แม่ จ่าเริง ชาว จ.บุรีรัมย์  ทหารกล้าพลีชีพปกป้องอธิปไตยเนิน 350 กอดรูปลูกชายร้องไห้ปิ่มขาดใจ เผยทั้งเสียใจและภูมิใจ  วอนเร่งนำร่างออกจากสนามรบกลับบ้านเกิด อยากเห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย   เมียเผยทั้งน้ำตาสามีสามีปฏิญาณตนขอทำเพื่อชาติ ขอตายในสนามรบ  ขณะนายอำเภอถึงกับน้ำตาคลอ ด้านสัสดีจังหวัดเป็นตัวแทน ผบ.มทบ.26 ให้กำลังครอบครัวพร้อมประสานเรื่องสวัสดิการและสถานที่รับศพ 

(17 ธ.ค.68)  บรรยากาศที่บ้านโคกรัก  ต.ปังกู  อ.ประโคนชัย  จ.บุรีรัมย์  ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ จ.ส.อ.สำเริง  คลังประโคน หรือจ่าเริง  อายุ 38 ปี  ทหารกล้า สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 (ร.23 พัน.3)  ที่เสียชีวิต 2 รายล่าสุด  จากเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารกัมพูชาอย่างดุเดือด  ขณะเข้ายึดคืนพื้นที่อธิปไตยของไทยบนเนิน 350   เมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ธ.ค.68)  และขณะนี้ ยังไม่สามารถนำร่างทหารที่เสียชีวิตทั้ง 2 นาย ออกมาจากพื้นที่ได้  

ซึ่งบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งแม่   พี่สาว  และภรรยา ของจ่าเริง ต่างก็ร้องไห้แทบขาดใจ  เพราะทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก   โดยเฉพาะนางเอี่ยม   คลังประโคน  อายุ 79 ปี ผู้เป็นแม่ที่กอดรูปถ่ายลูกชายร้องไห้ไม่หยุด   ลูกๆ และญาติพี่น้องต้องคอยปลอบตลอดเพราะกลัวว่าแม่จะเป็นลม   

ขณะที่ นายดำรงค์ศักดิ์  นาคีสังข์  นายอำเภอประโคนชัย ซึ่งได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวของ จ.ส.อ.สำเริง   คลังประโคน ก็พูดให้กำลังใจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพลางน้ำตาคลอว่า “ความกล้าหาญของเขา จะอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน  ทางราชการจะช่วยเหลือเต็มที่ไม่ให้ยืนอย่างเดียวดาย”

ด้าน พันเอกคมเจษฎา  วงศ์ประณุท  สัสดี จ.บุรีรัมย์  ได้เป็นตัวแทนผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 (มทบ.26) บุรีรัมย์ ในฐานะหน่วยทหารในพื้นที่  ก็ได้เดินทางไปให้กำลังใจครอบครัว และติดต่อประสานงานเรื่องการจัดสถานที่รอรับร่างและการจัดงานศพ  รวมถึงเรื่องสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ ที่ควรจะได้รับด้วย 

นางเอี่ยม    คลังประโคน   แม่จ่าเริง   กล่าวทั้งน้ำตาว่า  เสียใจมากที่สูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก แต่ก็ภูมิใจที่ลูกได้ทำหน้าที่ชายชาติทหารปกป้องผืนแผ่นดินไทย   สิ่งที่คนเป็นแม่ต้องการมากที่สุดตอนนี้  คืออยากให้นำร่างลูกชายออกจากสนามรบกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี   อย่างน้อยได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย    แม้ลูกชายจะอยู่ในสนามรบแต่ก็ยังเป็นห่วงแม่มาก  ก็จะโทรมาบอกให้แม่ไปอยู่ที่วัดจะได้ปลอดภัยเพราะเขารบกันรุนแรง   แต่ตอนนี้ลูกก็มาจากแม่ไปแล้ว

ทั้งนี้ น.ส.อุไร  คลังประโคน  อายุ 44 ปี พี่สาวคนที่ 4  บอกว่า  ก่อนที่จะทราบข่าวร้ายว่าน้องชายเสียชีวิตจากการสู้รบเพื่อปกป้องอธิปไตย   น้องยังโทรมาเล่าความฝันให้ฟังว่า   เขาฝันเห็นพี่น้องทุกคนและครอบครัวเขา  ในฝันเขาบอกว่าพี่น้องดุเขาว่าเขาและทิ้งเขาไว้คนเดียว  ซึ่งเขาไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อน   ซึ่งน้ำเสียงของน้องดูไม่สบายใจตนก็พยายามพูดให้กำลังใจน้อง   แต่ก่อนที่น้องจะเสียเขายังบอกกับครอบครัวว่าเขาทำสำเร็จแล้วยึดปราสาทตาควายได้แล้ว  เขายังบอกอีกว่าพรุ่งนี้จะขึ้นเนิน 350 แล้วนะ ตนก็คิดว่าคงเป็นรางบอกเหตุ เพราะน้องไม่เคยฝันแบบนี้  แต่ทุกคนในครอบครัวก็ภูมิใจในตัวน้องชายมาก

ด้าน น.ส.ธัญญารัตน์  คลังประโคน อายุ 39 ปี ภรรยา ก็พูดทั้งน้ำตาว่า ทั้งเสียใจที่สูญเสียสามีซึ่งเป็นที่รักและเป็นเสาหลัก  แต่ก็ภูมิใจที่เขาได้ทำหน้าที่ที่เขารัก  เขาปฏิญาณตนเสมอว่าเขาอยากทำเพื่อชาติ ซึ่งเขาก็ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว   เขายังเคยพูดกับตนเองว่าชาตินี้เขาขอรบ เขาขอตายในสนามรบ  แต่ชาติหน้าถ้ามีจริงเขาจะขอบวช   ตอนเขาอยู่ในสนามรบก็โทรมาถามตลอดเพราะเป็นห่วงครอบครัวมาก เพิ่งจะคุยกันล่าสุดวันที่ 14 ธ.ค.68  สิ่งที่อยากได้มากที่สุดตอนนี้คืออยากได้ศพสามีกลับบ้านอย่างน้อยก็ยังได้เห็นหน้า แม้จะเป็นครั้งสุดท้ายก็ขอให้ได้เห็น    ภูมิใจที่สามีได้ทำหน้าที่อย่างสมเกียรติ  เพราะเขาพูดเสมอว่าเขาอยากเป็นไปอยู่หน่วยไหนก็ได้  จนเขาไปสมัครทหารและได้เป็นจ่าตามที่เขาตั้งใจ   

พันเอก คมเจษฎา  วงศ์ประณุท สัสดีจังหวัดบุรีรัมย์  กล่าวว่า  วันนี้มาในนามผู้แทนผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 ในฐานะหน่วยงานทหารในพื้นที่ เพื่อมาให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย  พร้อมประสานงานกับทางครอบครัวเรื่องที่ต้นสังกัดจะดูแลเรื่องสิทธิและสวัสดิการ   ญาติจะได้รู้ว่าจะต้องติดต่อช่องทางไหนถ้าได้รับร่างผู้เสียชีวิตกลับมาแล้ว  แต่ตอนนี้ร่างยังออกมาไม่ได้อยู่ระหว่างประสานต้นสังกัด   รวมถึงจะได้นำกำลังทหารมาช่วยจัดสถานที่ในการจัดงานศพด้วย   ยืนยันว่าทหารไม่ทอดทิ้งแน่นอน

 

ภูมิภาค-54

ข่าวแนะนำ

แชร์ข่าว