นายอำเภอบางสะพานนำคณะผู้บริหาร สมาคมผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน สำรวจ “วัดเขาถ้ำม้าร้อง–บ่อน้ำทิพย์” แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและศรัทธาในประจวบคีรีขันธ์ พร้อมย้อนประวัติตำนาน “ม้าร้องในถ้ำ” อายุเกือบ 200 ปี
วันที่ 10 ธ.ค.68 เวลา 13.00 น. นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำคณะผู้บริหารและภาคีเครือข่ายลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ “เขาถ้ำม้าร้อง–บ่อน้ำทิพย์” ณ วัดเขาถ้ำม้าร้อง บ้านฝ่ายท่า ตำบลพงษ์ประศาสตร์ อำเภอบางสะพาน โดยมีพระมหานันทพล นิติสาโร เจ้าอาวาสวัด ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ โดยมี ดร.สิริกร หน่อทิม นายกสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารและแผงลอยแห่งประเทศไทย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพิสิษฐ์ รื่นเกษม ประธานชมรมสื่อมวลชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยคณะผู้ติดตาม ร่วมคณะครั้งนี้
“เขาถ้ำม้าร้อง–บ่อน้ำทิพย์” ตั้งอยู่บนภูเขาสูงจากวัดประมาณ 1 กิโลเมตร โดยมีถนนคอนกรีตสามารถขับรถขึ้นไปจอดหน้าเสถียรภาพถ้ำได้สะดวก ภายในถ้ำเป็นโถงกว้าง 3 จุด ประดับด้วยหินปูนงอกขนาดเล็กสวยงามตามธรรมชาติ ด้านบนสุดมีหินรูปร่างคล้าย “หัวม้า” สีหมอก–ขาว พร้อมกับ “บ่อน้ำทิพย์” ที่อยู่บริเวณฝั่งซ้ายของถ้ำ
บริเวณด้านล่างมีลานประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา รวมถึงพิธีสวดที่เกี่ยวข้องกับการนำน้ำทิพย์ไปใช้ในราชพิธีของสำนักพระราชวัง ทางวัดได้ติดตั้งไฟเพื่อให้ผู้มาเยือนชมความงดงามของถ้ำได้อย่างชัดเจนและปลอดภัย
ย้อนรอยตำนาน “ม้าร้องในถ้ำ” อายุกว่า 180 ปี วัดเขาถ้ำม้าร้องถือเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และมีประวัติยาวนาน ในอดีตเคยเป็นที่พักของพระสงฆ์จากศรีลังกาและอินเดียที่เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนา ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2385–2387 สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าให้เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ยกทัพออกปราบโจรในหัวเมืองคีรีขันธ์ คืนหนึ่งระหว่างการพักค้างที่บ้านหนองกัดไทย ม้าของเจ้าพระยาบดินทร์เดชาหลุดหายไป ทหารระดมค้นหาแต่ไม่พบ ทว่ากลับได้ยินเสียงม้าร้องมาจากบนถ้ำ เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบร่องรอย จึงมีการสละม้าไว้ ก่อนคณะเดินทางกลับ
ต่อมาชาวบ้านพบว่าบริเวณดังกล่าวมีถ้ำและบ่อน้ำทิพย์ จึงแจ้งเจ้าเมือง กระทั่งมีการตั้งรกรากของชุมชน และพัฒนาจนกลายเป็นวัด และประกาศเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน
#ภูมิภาค-30








