ชาวบ้าน เกษตรกร ชาวอำเภอพลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ รวมกลุ่มปลูกผักและปลูกเมล่อนญี่ปุ่น ปลอดสารพิษ 100% มีตลาดรับซื้อชัดเจน จากอาชีพเสริมกลายเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้หาเลี้ยงครอบครัว ได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ไม่ต้องทิ้งถิ่นฐาน ออกไปรับจ้างยังต่างจังหวัด เหมือนในอดีตแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค.68 ชาวบ้านเขว้า หมู่ที่ 4 ต.โคกขมิ้น อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ รวมกลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักหนองตูม ที่ประสบความสำเร็จในการปลูกพืชผักสวนครัวตามฤดูกาล เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ รวมถึงยังปลูกเมล่อนญี่ปุ่น โดยมีตลาดรองรับชัดเจนสามารถสร้างรายได้ให้กับสมาชิกได้เป็นอย่างดี ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และที่สำคัญชาวบ้านไม่ต้องทิ้งถิ่นฐาน ไปทำงานรับจ้างยังต่างจังหวัดเหมือนในอดีต
โดยเริ่มจากเมื่อประมาณ 20 ปี ที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งน้ำสาธารณะ ‘หนองตูม’ มีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ แบ่งเป็น แหล่งน้ำประมาณ 30 กว่าไร่ และพื้นที่คันดินโดยรอบแหล่งน้ำอีกประมาณ 15 ไร่ เริ่มปลูกต้นไม้กับพืชผักสวนครัวนานาชนิด และมีการขยายบริเวณเพาะปลูกเพิ่มขึ้น ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2561 ได้รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักหนองตูม เพื่อให้การดำเนินการปลูกผักได้อย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจน เพื่อที่จะได้ขอรับการสนับสนุน หรือดำเนินการหาแหล่งหรือข้อมูลทางวิชาการ และความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ได้เข้ามาให้การสนับสนุน เกี่ยวกับปัจจัยการผลิต ระบบน้ำ และจัดหาตลาดรองรับ จนทำให้กลุ่มฯเกิดความเข้มแข็ง ชาวบ้านสามารถพึ่งพาตัวเองได้ อย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวหมุนเวียน เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหมู่บ้านชุมชนอื่น ที่ควรนำไปเป็นแบบอย่าง
นอกจากพืชผักสวนครัวตามฤดูกาลแล้ว ยังได้มีการจัดสรรพื้นที่บางส่วน สำหรับโรงเรือนปลูกเมล่อนญี่ปุ่น ไม่น้อยกว่า 10 โรงเรือน ซึ่งได้รับการแนะนำสนับสนุนจาก นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และหน่วยงานภาครัฐ จนทำให้ปัจจุบันชาวบ้านมีความรู้ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี ในการปลูกและดูแลรักษาเมล่อน โดยเมล่อนที่ปลูกจะสายพันธุ์ญี่ปุ่นแท้ เป็นเมล่อนสายพันธุ์โกลเด้นควีน เป็นที่นิยมของตลาด เพราะมีลักษณะเด่น คือ เปลือกสีเหลืองทองเรียบ เนื้อสีส้ม รสหวานกรอบ หอม และมีความหวานที่กำลังดี
นายดุสิต ประประโคน ผู้ใหญ่บ้านเขว้า หมู่ที่ 4 ต.โคกขมิ้น อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ในฐานะประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักหนองตูม กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งสาธารณะประโยชน์ที่หมู่บ้านใช้ร่วมกัน จากเดิมที่ยังไม่ได้มีการพัฒนาแหล่งน้ำ เมื่อเสร็จสิ้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ชาวบ้านหลายรายก็ได้อพยพทิ้งถิ่นไปทงานรับจ้างยังต่างจังหวัด ต่อมาได้มีการขุดลอกและพัฒนาแหล่งน้ำ ชาวบ้านเริ่มเข้ามาใช้ประโยชน์ และได้รวมตัวจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักหนองตูม โดยมีสมาชิก จำนวน 35 คน และได้ร่วมกันปลูกพืชผักสวนครัวนานาชนิด ซึ่งเป็นผักตามฤดูกาล จำหน่ายให้กับเพื่อนบ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง หลังจากนั้น นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้เข้ามาให้การสนับสนุนและส่งเสริมการปลูกเมล่อนญี่ปุ่นแบบกางมุ้ง และได้มีการปลูกพืชนานาชนิดหมุนเวียนกันไป จนทำให้ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายผักในแต่ละวัน ต้องถือว่าแหล่งน้ำหนองตูมแห่งนี้ เป็นแหล่งน้ำที่ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตร และเลี้ยงสัตว์ โดยผักที่เราปลูกทั้งหมดจะปลูกแบบอินทรีย์ปลอดสารพิษ 100% ซึ่งเป็นพืชผักสวนครัวตามฤดูกาล อาทิ ต้นหอม ผักชี กระเทียม คะน้า กวางตุ้ง ก็จะมีเพื่อนบ้านโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาขอซื้อ และยังมีพ่อค้ารถเร่เข้ามาซื้อถึงแปลงผักเลยทีเดียว
ส่วนเมล่อนก็มีตลาดรับซื้อชัดเจน โดยเมื่อก่อนจะส่งขายที่ จิม ทอมสัน แต่มาภายหลังจัดส่งขายให้กับทางโรงพยาบาลต่างๆ และจะมีร้านมารับซื้อถึงที่เช่นเดียวกัน ซึ่งสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในกลุ่มได้เป็นอย่างดี โดยต่อ 1 โรงเรือนต่อครั้ง ก็จะมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 13,000-15,000 บาท ซึ่งในช่วงนี้ผลผลิตเมล่อนก็กำลังผลิดอกออกผล คาดว่าจะโตทันได้เก็บเกี่ยวในช่วงปีใหม่ 2569 ที่จะถึงนี้
ด้าน นางสมอางค์ กางรัมย์ อายุ 54 ปี สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักหนองตูม บอกว่า เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกฯ พอหลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จช่วงปีใหม่ก็จะหอบครอบครัวเดินทางไปทำงานรับจ้างยังต่างจังหวัด แต่พอทุกวันนี้ไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานออกไปรับจ้างอีกแล้ว ตั้งแต่มาปลูกเมล่อน ปลูกผัก ทำให้มีรายได้เข้ามาทุกวัน ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ในครอบครัวดีขึ้น มีเงินใช้ไม่ขาดมือและมีกินมีใช้ทุกวัน ก็ถือว่าพอเพียงพอใช้อยู่ หากเปรียบการทำนาที่มีรายได้ปีละครั้ง จนทำให้อาชีพทำนาแทบจะเป็นอาชีพเสริมไปแล้ว เพราะการปลูกผักสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ก็จะปลูกผักสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปแล้วแต่ฤดูกาล
ขณะที่ นางทองใบ แป้นประโคน อายุ 64 ปี สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักหนองตูม อีกราย บอกว่า ตั้งแต่มีแหล่งน้ำแห่งนี้ขึ้นมาชาวบ้านก็ได้เข้าปลูกผัก ทั้งไว้กินและขายเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว ผักที่ปลูกมีหลายชนิดแล้วแต่ฤดูกาล อาทิ ต้นหอม กระเทียม หอมแดง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนจากรายได้เสริมเป็นรายได้หลักไปแล้ว ตอนนี้ก็กำลังเตรียมจะปลูกกระเทียม รวมถึงเมล่อนก็ใกล้จะสุกได้เก็บเกี่ยวแล้ว ซึ่งพืชผักทุกชนิดที่ปลูกล้วนปลอดสารพิษ ปลูกแบบอินทรีย์ ส่วนปุ๋ยที่ใส่มีเพียงปุ๋ยคอกที่เป็นมูลวัวมูลควายเท่านั้น ส่วนตลาดรองรับนอกจากพ่อค้าแม่ค้าในหมู่บ้านแล้ว ก็จะมีทั้งนายทุนและพ่อค้ารถเร่เข้ามารับซื้อถึงแปลงผัก จึงทำให้พวกตนสามารถมีรายได้หาเลี้ยงคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆมีเงินเข้าเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 100-200 หรือหลายร้อยบาท
#ภูมิภาค-54








