สถานการณ์ชายแดนไทย–เมียนมาตึงเครียดหนัก ที่เมียวดีเกิดการสู้รบต่อเนื่องระหว่าง KNU กองพล 6 และทหารเมียนมา ใช้อาวุธหนัก–โดรนทิ้งระเบิดตลอดคืน เสียงปืนดังถึงแม่สอด ด้านกองกำลังนเรศวรสั่งปิดทุกท่าข้าม 7 วัน ยกเว้นสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมา แห่งที่ 1 พร้อมตรึงกำลังคุมเข้มหลังมีลูกกระสุนล้ำแดนตกในไทย 5 นัด บาดเจ็บ 2 ราย
วันที่ 1 ธ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา การสู้รบระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กองพลที่ 6 กับฝ่ายทหารเมียนมา กองพล 22 ที่บ้านมินละป่าน อำเภอเมียวดี จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา ตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน หมู่ที่4 ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยังระอุ และรุนแรงมาก โดยทั้ง 2 ฝ่าย ได้ยิงกันด้วยอาวุธปืนค.60 และอาวุธปืน ค.120 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2568 จนถึงตลอดคืนที่ผ่านมา มีเสียงปืนก้องถึงเมืองแม่สอด นอกจากการยิงกันแล้ว ทหารเมียนมาใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ทิ้งระเบิดเป็นระยะๆบริเวณพื้นที่ฐานที่มั่นป่าสัก บ้านมินลาป่าน ต่อมาทหารเมียนมาได้พยายามนำกำลังเข้าโจมตี ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ทิ้งระเบิด และทำการยิงอาวุธหนักเป็นระยะๆ เข้ามายังบริเวณพื้นที่ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายยังคงมีการปะทะกันอยู่ แต่ไม่ทราบผลการสูญเสีย และไม่มีผลกระทบต่อฝั่งไทย
ด้านกองกำลังนเรศวร ได้ปิดท่าข้ามทุกจุด เพื่อไม่มีมีการข้ามไปมาระหว่างประชาชน และกลุ่มอื่นๆ ในช่วงสถานการณ์การสู้รบ เป็นเวลา 7 วัน ยกเว้นการไปมาได้ตามปกติ ณ บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 1 บ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด
ข่าวแจ้งว่า พล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร และนายสัญญา เพชรเศษ นายอำเภอแม่สอด พร้อมด้วยปลัดอำเภอได้อยู่ในพื้นที่ตลอด โดยให้ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร และตำรวจตะเวนชายแดน กองร้อยตชด.ที่ 346 อ.แม่สอด ตรึงกำลังตามแนวชายแดน และพร้อมที่จะตอบโต้ด้วยกระสุนปืนสังหารไปยังเมียนมาทันที หากยังมีกระสุนจากการสู้รบล้ำแดนเข้ามาตกในเขตไทย เพราะเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2568 มีกระสุนปืนค.จากการสู้รบในฝั่งเมียนมาล้ำมาตกในเขตไทย 5 นัด ทำให้มีชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่กับคนไทย ได้รับบาดเจ็บ 2 คน
#ภูมิภาค-06








