ข่าวภูมิภาค

กาฬสินธุ์เปิดวาร์ปสนามกอล์ฟบึงอร่าม ดึง นทท.เกาหลีใต้ คาดเงินสะพัดกว่า 50 ล.

แชร์ข่าว

สนามกอล์ฟบึงอร่าม ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กลายเป็นแลนด์มาร์กนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ ต่อเนื่องปีที่ 3 ดึงสายท่องเที่ยวสุขภาพ–Long Stay สร้างรายได้พื้นที่กว่า 50 ล้านบาทต่อปี พร้อมดัน “Yangtalad Destination” สู่เมืองคู่แฝดในอนาคต

วันที่ 27 พ.ย.68 ที่สนามกอล์ฟบึงอร่าม ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายสมัย ภูคงน้ำ ปลัด อบต.ยางตลาด และ ดร.สุขุมวรัชญ์ อัครเศรษฐัง ประธานชมรมสานสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้ ณ ยางตลาด ติดตามความเรียบร้อยการให้บริการต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเกาหลีใต้ โดยมีนางศิริขวัญ ภูปา ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท แมนี่มอร์ส จำกัด ที่ดูแลสถานที่และนักท่องเที่ยว ให้ข้อมูลและให้บริการนักท่องเที่ยว ที่มาใช้บริการ “ออกรอบ” และรับประทานอาหาร บรรยากาศเป็นไปด้วยมิตรภาพ อบอุ่นและประทับใจ

นายสมัย ภูคงน้ำ ปลัด อบต.ยางตลาด กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมายาวนาน หลายคนตั้งใจว่าจะต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต และเมื่อได้มาแล้วก็กลับมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยมนต์เสน่ห์แห่งความอบอุ่น ความงดงาม และการต้อนรับอย่างมีน้ำใจ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ยุค “Visit Thailand Year” ในช่วงปลายทศวรรษ 2530 ที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยเฟื่องฟูอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลงรักประเทศไทยมากที่สุดคือชาวเกาหลีใต้ ซึ่งหลายคนมองว่าเมืองไทยคือ “บ้านหลังที่สองของพวกเขา”

นายสมัยกล่าวอีกว่า นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่เคยมาเยือนในอดีต หลายคนกลายเป็นผู้สูงวัย มีเวลา มีทรัพย์ และมีใจรักประเทศไทย ในช่วงปี 2560-2568 จึงเลือกมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ ทั้งแบบ Long Stay ปีละไม่เกิน 6 เดือน และ Super Long Stay 7–9 เดือน ด้วยวีซ่าผู้เกษียณอายุ โดยหลังสถานการณ์โควิด-19 ความต้องการนี้ยิ่งเพิ่มขึ้น จากการสอบถามนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ทราบว่า ประเทศไทยมีระบบสาธารณสุขที่ดี ค่ารักษาพยาบาลไม่แพง และคุณภาพชีวิตโดยรวมน่าประทับใจ เช่น สภาพอากาศดีตลอดปี อาหารอร่อย มีสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับโลก ค่าครองชีพไม่สูง การเดินทางสะดวกปลอดภัย คนไทยมีน้ำใจและอัธยาศัยดี

ด้าน ดร.สุขุมวรัชญ์ อัครเศรษฐัง ประธานชมรมสานสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้ ณ ยางตลาด กล่าวว่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ชื่นชอบ จุดเด่นที่สำคัญคือมีสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 18 หลุม บนพื้นที่ 500 ไร่ อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักชลประทานที่ 6 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น โดยมีคณะศาสตราจารย์เกาหลีใต้ที่เกษียณอายุ เดินทางมาตีกอล์ฟในภูมิภาคอาเซียน และค้นพบสนามกอล์ฟบึงอร่าม ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลยางตลาด และห่างจากสนามบินขอนแก่นและสนามบินร้อยเอ็ดเพียง 1 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีแผนสร้างสนามบินสารสินธุ์ในอนาคต พวกเขาประทับใจในพื้นที่และชักชวนเพื่อนๆ มาร่วมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พร้อมมีการจัดตั้ง บริษัท แมนี่มอร์มอสท์ จำกัด เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้โดยเฉพาะ

ดร.สุขุมวรัชญ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 อบต.ยางตลาด มีโครงการตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ พร้อมกับมีกิจกรรมอบรมให้กับผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 60 คน มีการเชิญวิทยากรหลากหลาย และหนึ่งในนั้นเป็นผู้ดูแลนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุชาวเกาหลีใต้ ได้มาร่วมกิจกรรม มีการพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จึงเกิดภาพความสัมพันธ์ของผู้สูงอายุ เริ่มจากโรงเรียนผู้สูงอายุบ้านหัวงัว ไปร่วมกิจกรรมกับชาวเกาหลีใต้ที่สนามกอล์ฟ และกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุชาวเกาหลีใต้เดินทางมาบ้านหัวงัว เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ต่อเนื่อง จึงเกิดการก่อตั้งชมรมสานสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้ ณ ยางตลาด ขึ้นมา

“วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งชมรมสานสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้ ณ ยางตลาด เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในทุกมิติเช่น เชิงสังคม วัฒนธรรม มิติทางการกระจายรายได้, เพื่อพัฒนาสังคมผู้สูงอายุร่วมกันกับพื้นที่, เพื่อสนองนโยบายด้านการท่องเที่ยวในเชิงสุขภาพ และเพื่อพัฒนายางตลาดให้เป็นจุดหมายปลายทางของชาวต่างชาติ “Yangtalad Destination” โดยมีเป้าหมายการพัฒนาร่วมกัน เช่น โครงการห้องเรียนภาษาเกาหลีใต้กับเจ้าของภาษา, โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับชุมชนพื้นถิ่น, โครงการลูกรักป๊ะป๋าม่ะม๊า (ลูกคนไทย-ป๊ะป๋าม่ะม๊าชาวเกาหลี), โครงการยกระดับและพัฒนาคุณภาพการให้บริการแก่นักท่องเที่ยว (คุณใช้บริการ เราให้บริการ) และการพัฒนาสู่การเป็นเมืองคู่แฝด (ยางตลาดกับเมืองเกาหลีใต้) ในอนาคต” ดร.สุขุมวรัชญ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการเก็บสถิติตัวเลขที่เติบโตและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น จำนวนผู้สูงวัยชาวเกาหลีใต้ที่มาเยือนเพิ่มขึ้นทุกปี เช่น ช่วงเดือน ก.ค.–ส.ค. 66 จำนวน 43 คู่ (86 คน), ช่วงเดือน ธ.ค. 66–ก.พ. 67 จำนวน 90 คู่ (180 คน), ช่วงเดือน ก.ค.–ส.ค. 67 จำนวน 110 คู่ (220 คน), ช่วงเดือน ธ.ค. 67–ก.พ. 68 จำนวน 130 คู่ (260 คน) และช่วงเดือน ก.ค.–ส.ค. 68 จำนวน 110 คู่ (220 คน) รายได้มวลรวมปีละกว่า 50 ล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยว 40 คู่ที่ซื้อบ้านพักหลังที่สองใน อ.ยางตลาดแล้ว และคาดว่าจะมีบ้านพักเพิ่มขึ้นทุกปี

ทั้งนี้ จากการสำรวจความเห็น สิ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบคืออากาศดี อุณหภูมิพอเหมาะ คนในพื้นที่เป็นมิตรและอบอุ่น น้ำมีคุณภาพดีต่อสุขภาพผิว ใกล้โรงพยาบาลและสนามบิน การเดินทางสะดวก ค่าครองชีพไม่แพง อาหารหลากหลาย ได้รับการดูแลจากภาครัฐอย่างดี บรรยากาศภายในสนามกอล์ฟมาตรฐาน อย่างที่รียกว่า“วิวหลักล้าน บริการหลักร้อย”

#ภูมิภาค-47