พ่อ-แม่ “เต วรากร” บอกไม่คาดหวังสูงหากได้ติดทีมชาติในอนาคตถือเป็นกำไร จากเดิมเคยมองไว้แค่ฟุตบอลสโมสร ยอมรับขณะนี้หวงลูกมาก เผยมีบุตรชายร่วมท้อง 4 คนทรงคล้ายกัน แต่นักเตะคนดังเป็นบุตรคนเล็กสุด ระบุยังไม่วางสเป็กลูกสะใภ้ในอนาคต บอกให้มุ่งมั่นเรื่องเรียนและฟุตบอลก่อน
วันที่ 21 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้พูดคุยกับ นายสุธน ช่างเขียนดี อายุ 54 ปีชาว ม.7 ต.ช้างข้าม อ.นายายอาม จ.จันทบุรี และ น.ส.เอม ศรีชมพู อายุ 47 ปีชาว อ.เมือง จ.เลย บิดา-มารดา ของนายวรากร ช่างเขียนดี หรือ “เต” นักฟุตบอลคนดังของทีมโรงเรียนหมอนทองวิทยา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ถึงความคาดหวังของผู้เป็นพ่อและแม่ รวมถึงบุคคลในครอบครัว
โดย น.ส.เอม เล่าว่า อยู่กินกับสามีที่ จ.จันทบุรี ได้ย้ายน้องเต มาเรียนที่หมอนทองได้ประมาณ 1 ปีก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อสมัยเด็กเรียนในโรงเรียนชั้นประถมศึกษาอยู่ที่ จ.เลย และมาเรียนมัธยมต้นอยู่ที่โรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นอคาเดมี่ฟุตบอลใน จ.ชลบุรี หลังจากจบ ม.3 แล้วจึงได้ไปเรียนที่โรงเรียนมาบยางพรวิทยา จ.ระยอง ก่อนที่จะย้ายมายังที่โรงเรียนหมอนทองวิทยาแห่งนี้
ขณะที่สุธน บอกว่าเห็นแววของลูกมานับตั้งแต่เด็ก เพราะเห็นชอบเล่นฟุตบอลมาก เดิมครอบครัวมีอาชีพค้าขายแต่พอน้องคัดตัวติดที่ท่าข้ามจึงได้ย้ายตามมาทำอาชีพรับจ้างเป็นพนักงานบริษัทที่ จ.ชลบุรี หลังจากบุตรชายมีชื่อเสียงแล้วก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขา เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาถึงขนาดนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้บุตรชายมีมาจนถึงวันนี้
ส่วนความคาดหวังในอนาคตนั้น ก็แล้วแต่เขาขึ้นอยู่กับที่ตัวเขา ให้เขาเป็นคนเลือกเอง ที่ผ่านมาก็ได้คุยกันตลอดทุกวัน และเมื่อเขาเริ่มดังแล้วก็ยังได้บอกกับเขาไว้ว่าให้ทำตัวเหมือนเดิม ให้ตั้งใจหรือโฟกัสไปที่ฟุตบอลและเรื่องการเรียน เมื่อสอบถามถึงเรื่องแฟนฝ่ายแม่ของน้องเตก็บอกว่าก็มีตามประสาวัยรุ่นที่เป็นความรักแบบเด็กๆ คือ ตรงนั้นยังไม่โฟกัส ส่วนผลการเรียนขณะนี้ก็อยู่ระดับปานกลาง
สำหรับเต มีพี่น้องรวม 4 คนเป็นชายทั้งหมด โดยเตเป็นคนสุดท้อง โดยบุตรชายคนโตอายุ 28 ปีและคนที่ 2 วัย 24 ปีทำงานประกอบอาชีพได้ด้วยตนเองแล้วทั้ง 2 คน ขณะคนที่ 3 อายุ 22 ปีติดทหารเกณฑ์เป็นทหารเรืออยู่ใน จ.ชลบุรี เต เกิดเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2551 วัย 17 ปี ส่วนอนาคตจะติดทีมชาติหรือไม่นั้น ครอบครัวไม่ได้คิดอะไรที่ไปไกลขนาดนั้น เดิมตามที่น้องตั้งใจไว้นั้น เขาอยากเล่นฟุตบอลสโมสร แต่หากขึ้นไปถึงระดับทีมชาติได้ ก็ถือว่าเป็นกำไรเกินกว่าความคาดหวังที่ได้ตั้งใจไว้แล้ว
ถ้าถามว่าพ่อแม่หวังหรือไม่ มันก็มีบ้าง และในส่วนตัวของพ่อนั้นก็ชอบฟุตบอลอยู่ตลอด และเล่นฟุตบอลด้วย เมื่อมีแข่งฟุตบอลที่ไหนก็จะอุ้มลูกพาไปดูการแข่งขัน ส่วนแม่นั้นก็ชอบเช่นเดียวกันและได้ติดตามดูมาเรื่อยๆ ตั้งแต่บุตรชายคนแรกๆ ซึ่งพวกเขาก็เล่นฟุตบอลอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้จริงจังเท่ากับบุตรชายคนเล็กที่ทุ่มเทมากกว่า โดยเขาเริ่มเล่นมาตั้งแต่ยังอยู่ชั้นอนุบาล 3 และซ้อมเล่นอยู่ทุกวัน และมาเริ่มเล่นจริงจังเมื่อตอนอายุ 8 ขวบ โดยพ่อกับแม่ได้พาไปเข้าอคาเดมี่ตั้งแต่วัย 8 ขวบเลย จนโตอายุถึง 13 ปีจึงพามาเรียนต่อที่ชลบุรี
ส่วนแนวทางความฝันของผู้ปกครองและเด็กๆ หากจะให้แนะนำนั้น ถ้าชอบในกีฬาฟุตบอลก็ให้ตั้งใจเรียนและต้องตั้งใจฝึกซ้อมและอดทน หากคิดจะมาทางนี้ก็ต้องขยันและตั้งใจในการฝึกซ้อมให้มากและต้องไม่ทิ้งเรื่องเรียนด้วย เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป หากหลังจากน้องเรียนจบจากที่นี่ไปแล้ว อนาคตจะไปที่ไหนก็แล้วแต่เขา เพื่อให้เขาเลือกเองว่าจะไปที่ไหนต่อ ในช่วงนี้ก็รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของลูกอยู่เหมือนกัน ที่เห็นเขาเดินสายออกไปในทุกๆวัน และพักผ่อนได้ไม่เต็มที่
สำหรับบุตรชายทั้ง 4 คนนั้นมีใบหน้าที่คล้ายคลึงหรือเหมือนกันทั้งหมด 4 คนเลย และรูปร่างหรือหุ่นก็ทรงเหมือนๆ กัน ลักษณะจะผอมสูงเหมือนพ่อ ขณะที่แม่เอม ยังบอกว่าหลังจากบุตรชายถูกรุมเร้าเนื้อหอมไปในทุกที่ จะมีคนเข้ามารุมล้อมนั้น ยังไม่ได้วาดสเปคของผู้ที่จะมาเป็นบุตรสะใภ้เอาไว้ในใจเลย และยังไม่ได้คิดในเรื่องนี้ เวลานี้ขอให้น้องได้โฟกัสไปที่เรื่องของการเรียนและในเรื่องของฟุตบอลก่อน ส่วนเรื่องอย่างนั้นแม่ยังไม่คิด และก็มีหวงอยู่บ้าง เพราะมันยังไม่ถึงเวลา ส่วนลูกชายคนอื่นๆ มีแฟนกันแล้วหรือไม่ แม่ยังไม่ทราบ น.ส.เอม ระบุ
#ภูมิภาค-18








