วันนี้ (20 พ.ย. 68) เวลา 13.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่และศูนย์ ปภ. ที่ไม่มีสถานการณ์ระดมเครื่องจักรกลสาธารณภัยพร้อมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง พร้อมย้ำให้จังหวัดติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด หากมีความรุนแรงให้สื่อสารให้ประชาชนทราบโดยเร็ว โดยมีผู้บริหารกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หัวหน้าหน่วยงานส่วนกลาง ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ภาคใต้ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า เนื่องจากระยะนี้ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้หลายจังหวัดในภาคใต้ได้รับผลกระทบ ปัจจุบัน (ข้อมูล 20 พ.ย. 68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และพัทลุง รวม 6 อำเภอ 31 ตำบล 180 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,866 ครัวเรือน 25,189 คน ซึ่งจากการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า ในช่วงวันที่ 21 - 23 พ.ย. 2568 ที่บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกมาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ติดตามและประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ภาคใต้ และพื้นที่ที่ไม่มีสถานการณ์สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปช่วยเหลือจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งในส่วนของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี ที่รับผิดชอบจังหวัด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา ที่รับผิดชอบจังหวัดสตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ได้ส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติเข้าไปประจำในพื้นที่เสี่ยงภัยล่วงหน้าแล้ว
นอกจากนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตนอกพื้นที่ ประกอบด้วย ศูนย์ ปภ. เขต 3 ปราจีนบุรี เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 5 นครราชสีมา เขต 6 ขอนแก่น เขต 8 กำแพงเพชร และเขต 10 ลำปาง ไปสนับสนุนการปฏิบัติงานให้กับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี และในส่วนของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา ได้มอบหมายให้ ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก เขต 13 อุบลราชธานี เขต 14 อุดรธานี เขต 15 เชียงราย และเขต 18 ภูเก็ต เข้าไปสนับสนุนการปฏิบัติงาน เพื่อให้การเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็วทั่วถึง สำหรับเครื่องจักรกลสาธารณภัยที่แต่ละศูนย์ ปภ. เขต ได้ส่งไปสนับสนุน อาทิ
🔺ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก สนับสนุนรถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ รถบรรทุกเครื่องสูบน้ำระยะไกล รถดับเพลิงพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยพร้อมอุปกรณ์ รถบรรทุกขนาดเล็ก
🔺ศูนย์ ปภ. 14 อุดรธานี สนับสนุนรถปฏิบัติการขนย้ายผู้ประสบภัย รถบรรทุก 10 ล้อพร้อมเครน เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกขนาดเล็ก
🔺ศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงราย สนับสนุนรถบรรทุกติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย รถบรรทุก 10 ล้อติดตั้งเครน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถบรรทุกขนาดเล็ก เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์
ทั้งนี้ ศูนย์ ปภ. เขต 11 สุราษฎร์ธานี และ เขต 12 สงขลา จะได้กระจายกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปช่วยเหลือจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ อาทิ จ.ปัตตานี ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก จะเข้าไปสนับสนุนการปฏิบัติการ และที่ จ.นราธิวาส ศูนย์ ปภ. เขต 18 ภูเก็ต จะเข้าสนับสนุนช่วยเหลือพื้นที่ ซึ่งขณะนี้แต่ละศูนย์ ปภ. เขต อยู่ระหว่างการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ และจะเข้ารายงานตัวพร้อมรับมอบภารกิจ เพื่อลงปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนต่อไป
นายชัยรัตน์ รองอธิบดี ปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในระยะนี้เป็นช่วงสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังและรับมือกับการเผชิญเหตุ ซึ่งนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เน้นย้ำให้จังหวัดเฝ้าระวังและติดตามและตรวจสอบสถานการณ์น้ำในพื้นที่ หากพบว่ามีความรุนแรงที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน ขอให้แจ้งมายัง ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อจะได้ทำการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast และหอเตือนภัย รวมถึงช่องทางสื่อสารต่าง ๆ ให้ประชาชนทราบ และให้จังหวัดที่มีสถานการณ์เร่งประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ และส่งให้กรม ปภ. เพื่อที่จะได้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงตรวจสอบเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือประชาชน ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินฯ และวางแผนจัดสรรเครื่องจักรกลสาธารณภัยตามแนวทางการบริหารจัดการเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง”
นอกจากนี้ จากการติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา สตูล ปัตตานี และนราธิวาส ในภาพรวมยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจังหวัดได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ เพื่ออำนวยการและประสานการปฏิบัติในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมตรวจสอบความเสียหายและเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง พื้นที่สำคัญ ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพื่อจะได้ป้องกันและวางแผนแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วเกิดความเสียหายน้อยที่สุด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารสาธารณภัยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง ขอให้ระมัดระวังอันตรายจากการลุยน้ำ และอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าดูด พร้อมทั้งดูแลกลุ่มเปราะบาง และเก็บทรัพย์สินมีค่า เคลื่อนย้ายรถไปในที่สูง หากมีความจำเป็นต้องอพยพให้อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวใกล้บ้าน








