ผบ.ฉก.12 นำคณะ AOT ผู้สังเกตการณ์อาเซียน ลงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว สังเกตการณ์เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พันเอกชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ พร้อมด้วย พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้วนำคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) นำโดย พลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซา (Brigadier General Samsul Rizal bin Musa) ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารมาเลเซีย ประจำกรุงเทพฯ ในฐานะหัวหน้าคณะ AOT พร้อม สมาชิก อีก 2 ประเทศ คือฟิลิปปินส์ และอินโนีเซีย ลงพื้นที่สังเกตการณ์เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
ภายหลังเหตุการณ์ ทหารกัมพูชา ยิงเข้ามาบริเวณ หลักเหตุแดน ที่ 34 บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 68 โดยหน่วยงาน ด้านความมั่นคงของไทยรายงานว่า กองทัพกัมพูชาเป็นฝ่ายใช้อาวุธยิงเข้ามายังฝั่งไทยก่อน ทำให้ทหารไทยต้องเข้าหลบกำบังและยิงเตือนเพื่อป้องกันตนเองและรักษาอธิปไตยของประเทศ ทั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ต้องอพยพเข้าสู่หลุมหลบภัยเพื่อความปลอดภัย
โดยจุดแรกคณะ AOT ได้ลงพื้นที่บริเวณ หลักเขตแดนที่ 34 ร่วมด้วย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จากตำรวจภูธร จ.สระแก้ว ที่ลงพื้นที่ปฏิบัติงานร่วมด้วยโดย สามารถเก็บรายละเอียด สถานที่เกิดเหตุ เหตุการณ์วันที่ 12 พ.ย. เวลา 16.10 น. โดยพบ กระสุนปืน และวิถีกระสุนร่องรอยที่บังเกอร์ เป็นไปได้ชัดเจนว่า ไม่ใช่ปืนเล็กยาว ตามคำให้การของลักษณะเสียง ที่ดังชัดเจนและต่อเนื่อง เนื่องจากระยะฐานของฝ่ายตรงข้าม ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 100-200 เมตร ขณะเกิดเหตุ มีทหารประจำการ 2 นาย ได้ยิงเตือนขึ้นฟ้า จากนั้น ประกาศแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าหลบในบังเกอร์ตามลำดับ
ด้านพลจัตวา ซัมซุล กล่าวว่า ลงพื้นที่ครั้งนี้พบว่าเป็น มีร่องรอยกระสุนที่บังเกอร์จริง ได้บันทึกภาพพร้อมเก็บหลักฐานนำกลับไปรายงานให้กับสำนักงานใหญ่ประเทศมาเลเซียได้รับทราบข้อมูลจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว พร้อมย้ำว่าให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามตามข้อตกลง 4 ข้อ ในปฏิญญาสันติภาพที่ทำกันไว้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียจากนั้นลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน บ้านหนองหญ้าแก้ว โดยกลุ่มชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วง 16.10 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 อยู่ในเหตุการณ์ได้ร่วมลงพื้นที่เล่าเหตุการณ์ และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยเน้นย้ำว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบ แต่เนื่องจากความพร้อมของเจ้าหน้าที่ทหารและผู้นำชุมชนในการเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง เข้าไปยังบังเกอร์จึงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ด้านพันเอกชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.12 กล่าวว่า การลงพื้นที่ของชุดคณะ AOT ในครั้งนี้ภาพรวมเป็นไปด้วยดี คณะ AOT ได้เห็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่จากสถานที่จริงร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานสระแก้ว ซึ่งพบว่ามี ร่องรอยวิถีกระสุนปืนจริงในที่เกิดเหตุประมาณเจ็ดนัด เป็นกระสุนขนาด 5.56 มม. โดยเน้นย้ำว่าแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดแต่ว่าจะยังคงดำเนินการตามข้อตกลงในการปักหมุดเส้นเขตแดน ของทั้งสองฝ่ายในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ตามกำหนด เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นลายลักษณ์อักษร
#ภูมิภาค-40








