ธปท.อีสาน ระบุอานิสงส์คนละครึ่งพลัส กระตุ้นการใช้จ่าย 2.7 หมื่นล้านบาท แต่ห่วงหลังจบโครงการ ภาคการบริโภคหด ต้องหามาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 พ.ย.68 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโสธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ธปท. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจครึ่งปี2568 ยังทรงตัว เนื่องจากมีแรงบวกจาก 2 เรื่องทั้งการท่องเที่ยว และเร่งส่งออกของผู้ประกอบการก่อนเจอมาตรการภาษีทรัมป์ แต่พอครึ่งปีหลังไตรมาสที่ 3 แรงบวกไม่มี ทำให้ภาคการบริโภค การผลิต และการลงทุนก็ลง ดีที่ในไตรมาสที่ 4 มีมาตรการของภาครัฐเข้ามากระตุ้น ผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส ทำให้ตัวเลขขยับขึ้นเล็กน้อย
"แต่ในปี 2569 โครงการคนละครึ่งพลัสสิ้นสุด ปัจจัยลบต่างๆก็กลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะภาคการเกษตรในปีหน้าผลผลิตพอได้ แต่ราคาตกต่ำ ทั้งมันสำปะหลัง ยางพารา อ้อย และข้าวเนื่องจากอินเดียและเวียดนามกลับมาส่งออกข้าว ฉะนั้นปีหน้าภาคการเกษตร ยังไม่ค่อยดี ปีหน้าเศรษฐกิจไม่ค่อยจะโต ถ้าไม่มีมาตรการใหม่ๆมาอีก"
นายทรงธรรม กล่าวต่อว่า มาตรการโครงการคนละครึ่งพลัสว่า สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เมื่อมีคนละครึ่งพลัสมาช่วงไตรมาส 4 ประจวบกับเป็นช่วงเทศกาลประจำปี ลอยกระทง ปีใหม่ จึงทำให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ดีขึ้น ทฝจากเม็ดเงินที่เข้ามาในโครงการคนละครึ่งพลัส 66,000 ล้าน ส่วนภาคอีสานประมาณ 18,400 ล้าน คิดเป็น 28%ของวงเงินทั้งหมด รวมกับประชาชนต้องจ่ายสมทบก็ รวมเม็ดเงินใช้จ่ายในภาคอีสานประมาณ 27,400 ล้าน คิดเป็น1.3 ของจีดีพีอีสาน เชื่อว่าจะทำให้ไตรมาส 4 ตัวเลขขยับขึ้นได้
"จากการเก็บข้อมูล พบว่ายอดการใช้จ่าย5วันแรกของโครงการฯ 29 ต.ค.-2 พ.ย. เกิดการกระตุ้นการใช้จ่าย1หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนภาคอีสาน มียอดการใช้จ่ายสูงอันดับ2รองจากกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 จะขยับขึ้น จากอานิสงส์โครงการคนละครึ่งพลัส แต่จากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมาพบว่า เมื่อจบโครงการจบไปแล้ว ภาคการบริโภค ก็จะกลับมาลดลงเหมือนเดิม หากไม่มีโครงการใหม่ๆเข้ามาแรงกระตุ้นก็จะแผ่วลง"
#ภูมิภาค-48







