กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ชวนคนไทยแต่งชุดไทยพระราชนิยม สืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เตรียมผลักดันชุดไทยพระราชนิยมสู่มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ปี 2569
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ภายในพระบรมมหาราชวัง จัดแสดง อาทิ นิทรรศการชุดไทย : จากราชสำนักสู่ราชนิยม นิทรรศการสิริราชพัสตราบรมราชินีนาถ นิทรรศการราชภูษิตาภรณ์สยาม ห้องกิจกรรมมองสยามตามสมัย ตลอดจนเยี่ยมชมร้านพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ จำหน่ายสินค้า หนังสือเกี่ยวกับผ้า และเครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับนิทรรศการ
เพื่อเป็นการสืบสานและและต่อยอดเผยแพร่ความรู้เรื่องผ้าไทย พร้อมทั้งเป็นการรณรงค์เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติแต่งชุดไทยพระราชนิยมในโอกาสต่างๆ ตามแบบที่ถูกต้อง ประกอบกับกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ได้เตรียมผลักดันให้ “ชุดไทย: ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติ การแต่งกายชุดไทยประจำชาติ”เข้าสู่กระบวนการพิจารณาเพื่อขึ้นทะเบียนเป็น ปี 2569 จากองค์การยูเนสโก ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการเผยแพร่เอกลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงมีพระราชดำริให้มีฉลองพระองค์ในแบบที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย เมื่อครั้งโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จเยือนประเทศต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2503 ซึ่งในช่วงแรกทรงออกแบบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 แบบ และต่อมาได้เพิ่มเป็น 8 แบบ ซึ่งรู้จักกันในนาม “ชุดไทยพระราชนิยม” อันเป็นต้นแบบชุดประจำชาติของสตรีไทยในปัจจุบัน ที่สะท้อนความงดงามของผ้าไทยและการผสมผสานระหว่างขนบการแต่งกายไทยโบราณกับความร่วมสมัยอย่างลงตัว
รายชื่อชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ ได้แก่
ชุดไทยเรือนต้น : ชุดไทยลำลอง แขนกระบอกสามส่วน ตั้งตามชื่อ พระตำหนักเรือนต้น ในพระราชวังดุสิต เป็นชุดไทยแบบลำลอง ใช้ในโอกาสไม่เป็นทางการ ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายหรือผ้าไหม แขนสามส่วน ปลายแขนผ่าเล็กน้อย หรือไม่ผ่าก็ได้ ติดกระดุมหน้าห้าเม็ด สามารถใช้ได้ทั้งกระดุมปั๊ม กระดุมโลหะ หรือกระดุมมุก เสื้อเป็นคอกลมชิดคอ ใช้ผ้าสีตามริ้วหรือเชิง จะเป็นสีเดียวกับผ้านุ่งหรือสีตัดกันก็ได้ ลักษณะเป็นผ้านุ่ง ป้ายยาวจรดข้อเท้า ไม่ผ่าหลังหรือผ่าข้าง ใช้ผ้าลายตามขวาง หรือตามยาวก็ได้ ใช้เครื่องประดับน้อยชิ้น เช่น ต่างหู สร้อยลูกไม้หรือสร้อยมุก
ชุดไทยจิตรลดา : ชุดแขนกระบอก พิธีการกลางวัน ตั้งตามชื่อพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เป็นชุดที่ใช้ในเวลากลางวัน ลักษณะทั่วไปคล้ายกับชุดไทยเรือนต้น ต่างกันตรงคอเสื้อที่มีขอบตั้ง ประมาณ 2.5 ซม. ท่อนบนใช้ผ้าไหมยกดอกหรือผ้าไหมพื้นแขนยาวจรดข้อมือ ท่อนล่างใช้ผ้าไหมยกดอกหรือผ้าไหมมัดหมี่ เป็นผ้านุ่งป้าย ชายผ้านุ่งกรอมเท้า ไม่ผ่าหลังหรือผ่าข้าง ใช้เครื่องประดับตามควร เช่น สร้อยลูกไม้หรือสร้อยสั้นชิดคอ
ชุดไทยอมรินทร์ : ชุดแขนกระบอก ผ้านุ่งไหมยกทอง ตั้งตามชื่อพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพระราชพิธีและงานพิธีกลางคืน มีลักษณะเหมือนชุดไทยจิตรลดา คือเป็นเสื้อแขนกระบอก คอตั้งประมาณ 2.5 ซม. กระดุม 5 เม็ด ใช้กระดุมปั๊ม หรือกระดุมโลหะ ตัดเย็บด้วยผ้าไหมพื้น ผ้านุ่งจะตัดเย็บด้วยผ้าไหมยกทอง ชายผ้านุ่งกรอมข้อเท้า ไม่ผ่าหลังหรือผ่าข้าง ความสวยงามของชุดไทยอมรินทร์จะอยู่ที่เนื้อผ้าและเครื่องประดับ นิยมใส่เครื่องประดับอย่างลูกไม้หรือทับทรวง
ชุดไทยบรมพิมาน : ชุดแขนกระบอก สวยสง่าด้วยผ้านุ่งจีบและชายพก ตั้งชื่อตามพระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพระราชพิธีและงานพิธีกลางคืน ท่อนบนเป็นเสื้อแขนยาว คอตั้งประมาณ 2.5 ซม. ปลายแขนยาวกรอมข้อมือ ใช้ได้ทั้งกระดุมปั๊ม ติดซิปซ่อนหรือติดตะขอ ตัวเสื้อและผ้านุ่งติดกันเป็นชุดเดียว ใช้ซิปซ่อนกลางหลัง ยาวตั้งแต่ต้นคอจนถึงสะโพกล่าง ตัดเย็บด้วยผ้าไหมที่มีทองแกมหรือยกทองทั้งตัวก็ได้ จีบหน้า กว้างประมาณ 7-8 ซม. พับ 4-5 พับ ชายพก กว้างประมาณ 7 ซม. ยาว 17 ซม. ใช้เข็มขัดคาด ใส่คู่กับเครื่องประดับอื่น เช่น สร้อยลูกไม้หรือทับทรวงหรือสังวาลย์
ชุดไทยจักรี : ชุดไทยสไบเฉียง เปิดบ่า ตั้งชื่อตามพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพิธีกลางคืน ท่อนบนเปิดไหล่หนึ่งด้าน เป็นสไบปักหรือไม่ปักก็ได้ โดยสามารถทำเป็นสไบจับจีบเดรปทิ้งชาย ความยาวสไบให้เสมอชายผ้านุ่งหรือเสมอพื้น ตัดเย็บติดกับท่อนล่าง ซึ่งเป็นผ้านุ่งจีบ ตัดเย็บจากผ้าไหมยกทอง จีบหน้ากว้าง ประมาณ 7.5 ซม. ชายพกยาวประมาณ 17 ซม. จับคู่กับเครื่องประดับ เช่น ทับทรวงหรือสร้อยสั้นติดคอ และคาดเข็มขัด
ชุดไทยดุสิต : ชุดไทยคอกว้าง แขนกุดปักลาย ตั้งชื่อตามพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพิธีเต็มยศกลางคืน ตัดเย็บด้วยผ้ายกไหมหรือยกทอง ผ้านุ่งจีบ เสื้อคอกว้าง ไม่มีแขน ปักด้วยดิ้นเงินดิ้นทองหรือลูกปัด ชายผ้านุ่งกรอมข้อเท้า ไม่ผ่าหลังหรือผ่าหน้า จีบหน้ากว้าง ประมาณ 7.5 ซม. ชายพกยาวประมาณ 17 ซม. จับคู่กับเครื่องประดับสร้อยสั้นชิดคอและคาดเข็มขัด
ชุดไทยศิวาลัย : ชุดไทยแขนกระบอก ที่โดดเด่นด้วยสะพัก ตั้งตามชื่อพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพระราชพิธีทั้งเวลากลางวันและกลางคืน เป็นชุดแบบเดียวกับชุดไทยบรมพิมาน แต่ห่มสะพักทับอีกชั้น มีทั้งแบบสะพักห่มแยกและสะพักเย็บติดกับชุด สามารถตัดเย็บได้ทั้งแบบปักประดับและไม่ปักประดับ ความกว้างสะพัก ด้านหน้าประมาณ 14-16 ซม. ความกว้างปลายสะพัก ประมาณ 25-27 ซม.
ชุดไทยจักรพรรดิ : ชุดไทยสไบจีบ ทับด้วยผ้าทรงสะพัก ตั้งตามชื่อพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพิธีเต็มยศกลางคืน ท่อนบนห่มผ้าสองชั้น ชั้นในมักเป็นสไบจีบและห่มสะพักทับ ผ้านุ่งยกทอง จีบหน้าแบบเดียวกับชุดไทยจักรี ชายผ้านุ่งกรอมข้อเท้า ไม่ผ่าหลังหรือผ่าหน้า คาดเข็มขัดและใส่เครื่องประดับเข้าชุดกัน เช่น ทับทรวงหรือสังวาลย์
ท้ายนี้ กระทรวงวัฒนธรรมเชิญชวนชาวไทยและชาวต่างชาติแต่งชุดไทยพระราชนิยมในโอกาสต่างๆ ตามแบบที่ถูกต้อง ทั้งร่วมผลักดันให้ “ชุดไทย: ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ” เข้าสู่กระบวนการพิจารณาเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ปี 2569 โดยองค์การยูเนสโก ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการเผยแพร่เอกลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก
ใช้ข้อมูลรายละเอียดเสื้อจากเพจเฟซบุ๊ก สวธ.
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลชุดไทยพระราชนิยม 8 แบบ จาก พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ








