มกอช. เดินหน้าคุมมาตรฐาน มกษ.9070 ในภาคตะวันออก ย้ำโรงคัดบรรจุต้องขอใบอนุญาต สร้างความเชื่อมั่นส่งออกทุเรียนไทยปี 2569
ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกทุเรียนสดไปยังสาธารณรัฐประชาชนในแต่ละปีมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท โดยข้อมูลในปี 2568 (วันที่ 1 มกราคม-15 ธันวาคม 2568) มีการส่งออกทุเรียนไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 927,285 ตัน มูลค่า 148,767 ล้านบาท โดยมีปัจจัยที่ควรคำนึงคือ 1) ด้านประเทศคู่ค้า มีกฎระเบียบ มาตรการควบคุมการส่งออกที่เข้มงวด เช่น การตรวจสอบสารตกค้าง และสารเคมีห้ามใช้ และ 2) ด้านประเทศคู่แข่งประเทศไทยมีคู่แข่งในการส่งออกทุเรียนเพิ่มขึ้น โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนอนุญาตให้ประเทศ เวียดนาม มาเลเซีย และฟิลิปปินส์สามารถส่งออกทุเรียนมาจำหน่ายได้ อย่างไรก็ตามการส่งออกทุเรียนไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีนยังพบปัญหาการตัดทุเรียนก่อนถึงอายุเก็บเกี่ยวส่งผลให้ทุเรียนอ่อนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคทั้งในประเทศและประเทศคู่ค้า
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) โดยกองควบคุมมาตรฐาน ในฐานะที่รับผิดชอบกำกับดูแลสินค้าเกษตรให้เป็นตามมาตรฐานบังคับได้จัดสัมมนาเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติตามมาตรฐานบังคับ เรื่อง หลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุ (มกษ.9070-2566) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรมบลูแรบบิท จังหวัดจันทบุรี โดยวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักให้แก่ผู้ประกอบการโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุทุเรียนในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรฐานบังคับ เรื่อง หลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุ (มกษ. 9070-2566) เพื่อควบคุมความอ่อน-แก่ของทุเรียน ภายในงานยังมีการให้ความรู้ด้านกฎระเบียบ
การส่งออกทุเรียนสด การขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ รวมถึงการเปิดหน่วยบริการเคลื่อนที่ Mobile Unit ให้บริการรับขอใบอนุญาตดังกล่าวแก่ผู้ประกอบการด้วย นอกจากนี้ มกอช. โดยกองควบคุมมาตรฐาน ได้อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่ไม่ได้ร่วมการสัมมนาสามารถขอรับใบอนุญาตอนุญาตผ่านระบบการยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้า และการแจ้งส่งออก-นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ (TAS-License) ที่เว็บไซด์ https://tas.acfs.go.th/nsw และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานอนุญาตและขึ้นทะเบียน กองควบคุมมาตรฐาน มกอช. โทร 02-5612277 ต่อ 5227-2530
นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เปิดเผยว่า มาตรฐานบังคับ เรื่อง หลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุ (มกษ. 9070-2566) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ผู้ผลิต และผู้ส่งออกต้องขอรับใบอนุญาต และการรับรองมาตรฐานดังกล่าวให้ถูกต้อง รวมถึงต้องแจ้งการส่งออกทุกครั้ง ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ด้วย ทั้งนี้ จากข้อมูลปี 2568 มีจำนวนโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุทุเรียนสดที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร 1,709 ราย โดยอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก (จันทบุรี ระยอง ตราด) 883 ราย ภาคใต้ 639 ราย และภาคอื่นๆ 187 ราย ซึ่งในภาคตะวันออก พบว่ามีการขอใบอนุญาตเป็นผู้ผลิตตามมาตรฐานบังคับกับ มกอช. แล้ว 491 ราย ทั้งนี้ ยังเหลือโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุที่ยังไม่ขอรับใบอนุญาตอีก 392 ราย
ในตอนท้าย เลขาธิการ มกอช. ได้ย้ำเตือนไปยังผู้ประกอบการโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งกำลังจะมีผลทุเรียนออกสู่ตลาดในอนาคตอันใกล้นี้ และผู้ประกอบการในพื้นที่อื่น ให้ดำเนินการขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต หรือผู้ส่งออก และขอรับการรับรองมาตรฐานถูกต้องตามกฎหมาย ในกรณีที่พบการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายหรือมาตรฐาน มกอช. จะไม่อนุญาตให้ส่งออกทุเรียนดังกล่าว และจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ข้อมูลการผลิตในภาคตะวันออกมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนมากที่สุด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง ตราด โดยข้อมูลในปี 2568 พบว่า มีพื้นที่เพาะปลูกจำนวน 739,997 ไร่ และมีพื้นให้ผลผลิต จำนวน 496,226 ไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่ให้ผลผลิตในจังหวัดจันทบุรี 335,883 ไร่ คิดเป็นปริมาณผลผลิต 575,611 ตัน ระยอง 98,886 ไร่ คิดเป็นผลผลิต 188,321 ตัน และตราด 61,457 ไร่ คิดเป็นปริมาณผลผลิต 107,760 ตัน ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียนที่ให้ผลผลิตสูงสุดในภาคตะวันออกจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมของทุกปี







