ผู้เลี้ยงกุ้งภาคใต้ทรุดหนัก! ร้อง “อนุทิน” เร่งช่วย "มหาอุทกภัย" ถล่มเสียหาย "พันล้านบาท" วอนรัฐบาลเยียวยาขอสินเชื่อปลอดดอกเบี้ย ฟื้นฟูสู่วงจรผลิตโลว์คาร์บอน
วันที่ 1 ธ.ค.68 นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า เหตุการณ์มหาอุทกภัยในภาคใต้ตอนล่าง ได้สร้างความเสียหายครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้ง ซึ่งเคยทำรายได้ให้ประเทศสูงถึง 100,000 ล้านบาทในอดีต พื้นที่สำคัญที่ได้รับผลกระทบหลักได้แก่ นครศรีธรรมราช (อ.ปากพนัง), สงขลา (รอบทะเลสาบสงขลา), พัทลุง, ปัตตานี, และสตูล ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการผลิตกุ้งของประเทศถึง 11% หรือประมาณ 28,600 ตันต่อปี มีมูลค่าราว 3,000–4,000 ล้านบาท
นายเอกพจน์ ระบุว่า ความเสียหายโดยรวมอาจสูงถึงพันล้านบาท แม้ความเสียหายของตัวกุ้งที่ถูกน้ำพัดพาไปอาจอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท แต่ความสูญเสียที่หนักกว่าคือ ปัจจัยการผลิตและอุปกรณ์การเลี้ยง โดยเฉพาะ เครื่องตีน้ำและระบบไฟฟ้า รวมถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator) ที่มีมูลค่าสูงและถูกทำลายลงในคืนเดียว ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่เกษตรกรไม่สามารถดำเนินการเลี้ยงต่อไปได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงอาหารกุ้ง ปูน และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ ที่ถูกน้ำท่วมพัดพาไปทั้งหมด โดยรวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดนับ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้สมาคมกุ้งไทยและพร้อมเครือข่ายพันธมิตร จึงเตรียมยื่นข้อเสนอต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ เพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งกว่า 20,000 รายทั่วประเทศ (โดยผู้เลี้ยงภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบคิดเป็น 10%) สามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ทันรอบการเลี้ยงที่จะเริ่มในช่วงต้นปี (ม.ค.-ก.พ.)
1.เร่งจัดหาเครื่องมือทดแทนและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน: เรียกร้องให้ กระทรวงพลังงาน เข้ามามีบทบาทในการจัดหามอเตอร์และเครื่องมือทดแทนที่จมน้ำและใช้งานไม่ได้แล้ว พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ในการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนเพื่อซ่อมสร้างหรือซื้อเครื่องมือใหม่ โดยเน้นการเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่มี ประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยมุ่งสู่ระบบ โลว์คาร์บอน อย่างเป็นรูปธรรม
2.สินเชื่อปลอดดอกเบี้ยระยะสั้น: เสนอให้รัฐบาลจัดหาความช่วยเหลือด้านเงินทุนในรูปแบบ สินเชื่อปลอดดอกเบี้ย ในระยะสั้น (เช่น 1–2 ปี) หรือมาตรการช่วยเหลือแบบ คนละครึ่ง เพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนเริ่มต้นใหม่
3.มาตรการพักชำระหนี้: เรียกร้องให้รัฐบาลเป็นตัวกลางเจรจากับธนาคารพาณิชย์เพื่อ ระงับการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย ในช่วงที่เกษตรกรประสบภัยพิบัติ เนื่องจากเกษตรกรกลุ่มนี้กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินที่อาจทำให้พวกเขา "ขาดใจตาย" ก่อนที่จะสามารถเริ่มรอบการเลี้ยงใหม่ได้
“ความเสียหายที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนเครื่องจักรสำคัญในการผลิตสินค้าแชมเปี้ยนของประเทศเกิดความชำรุดเสียหายครั้งใหญ่ ซึ่งหากไม่มีการซ่อมแซมและเปลี่ยนชิ้นส่วนทันที การผลิตโดยรวมก็จะหยุดชะงักและคู่แข่งจะเข้ามาแทนที่ได้อย่างรวดเร็ว จึงเรียกร้องให้ กรมประมง เร่งสำรวจความเสียหายทั้งหมดในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันการณ์” นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าว







