การประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ครั้งที่ 4 ได้จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่20 ถึง 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการสรุปผลความสำเร็จของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 และเริ่มวางกรอบแนวคิดสำหรับแผนระยะ 5ปี ฉบับที่ 15 ทำให้การประชุมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนานาประเทศทั่วโลก ด้วย “สองปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่” ที่เกิดจากการบริหารประเทศจีน รวมถึงความมุ่งมั่นเชิงยุทธศาสตร์ที่แน่วแน่ ได้สร้างความเชื่อมั่นอันทรงคุณค่าและมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าและการพัฒนาของโลกอย่างต่อเนื่อง ประชาคมโลกต่างคาดหวังว่า “เรือยักษ์แห่งบูรพา” ลำนี้ที่กำลังจะเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่จะยังคงฝ่าคลื่นลมอย่างองอาจและดำรงบทบาทเป็น เสาหลักของเสถียรภาพให้แก่โลกที่กำลังเผชิญกับความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
จีนเดินหน้าอย่างมั่นคง “มุ่งมั่นทำภารกิจของตนให้ดีที่สุดอย่างไม่ลังเล”
ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงและวันชาติจีนประจำปี 2568 ได้แสดงให้เห็นภาพความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจอย่างเด่นชัด โดยมีประชาชนชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวเฉลี่ยกว่า 300 ล้านคนต่อวัน ทั้งจากบริการรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งรับส่งผู้คนอย่างหนาแน่น เส้นทางการบินที่คึกคัก และการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่เป็นกระแสหลักของปีนี้ ความคึกคักนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเติบโตของการบริโภคทั้งสินค้าและบริการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึง ศักยภาพอุปสงค์ภายในประเทศและแสดงให้เห็นถึง ความยืดหยุ่นในการพัฒนาเศรษฐกิจ ของจีนตลอดช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14
ในบริบทของสถานการณ์โลกปัจจุบัน ยังคงเห็นการก่อตัวของกระแสกีดกันทางการค้าอย่างต่อเนื่อง การเมืองอำนาจนิยมยังคงปกคลุมเป็นเงามืด และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงยืดเยื้อในหลายภูมิภาค ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกต้องพยายามหาทางไปต่อท่ามกลางความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะชะลอตัวอย่างรุนแรง
ความแน่นอนและมั่นคงจึงกลายเป็นทรัพยากรที่หาได้ยากยิ่งในโลกปัจจุบัน ในฐานะที่จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก โดยมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) คิดเป็นประมาณ 17% ของโลก การที่จีนสามารถรวบรวมพลังเพื่อ “ทำภารกิจของตนให้ดีที่สุด” อย่างมีประสิทธิภาพ จึงถือเป็นคุณูปการสำคัญต่อเสถียรภาพและการพัฒนาของโลก
ตลอดช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 มูลค่ารวมทางเศรษฐกิจของจีนได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการก้าวข้ามหลัก110 ล้านล้าน 120 ล้านล้าน และ 130 ล้านล้านหยวนอย่างต่อเนื่องและคาดการณ์ว่าอาจสูงถึง 140 ล้านล้านหยวน ภายในปีนี้ ตัวเลขที่น่าจับตาคือ อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 5.5% และจีนยังคงมีสัดส่วนการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกอยู่ที่ ประมาณ30% นอกจากนี้ ขนาดของภาคการผลิตยังคงรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 15 ชุดตัวเลขที่โดดเด่นเหล่านี้ตอกย้ำถึงแนวโน้มการเติบโตที่มั่นคงและแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน
จีนเดินหน้าเปิดกว้างร่วมมือ พร้อมแบ่งปันโอกาสการพัฒนากับกับประชาคมโลกอย่าง “แน่วแน่”
แม้จะต้องเผชิญกับกระแสต่อต้านที่รุนแรง ทั้งในรูปแบบของความขัดแย้งทางการค้า การแยกส่วนห่วงโซ่อุปทาน และนโยบายกีดกันแบบปิดประเทศ แต่จีนยังคงประกาศเจตนารมณ์และมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะก้าวเดินบนเส้นทางหลักแห่งการเปิดกว้างและความร่วมมือกับประชาคมโลก
ด้วยปณิธานที่มุ่งหวังจะ “ทำให้ตลาดขนาดใหญ่ของจีนกลายเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ของประชาคมโลก” จีนจึงได้เร่งยกระดับการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 โดยปรากฏผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญหลายประการ อาทิ มีการเพิ่มจำนวนเขตทดลองการค้าเสรีรวมเป็น 22 แห่ง ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับ 30 ประเทศและภูมิภาครวม 23 ฉบับ มาตรการจำกัดการเข้าถึงของทุนต่างชาติในภาคการผลิตถูกยกเลิกเป็นศูนย์ มหกรรมนำเข้าสินค้านานาชาติจีนจัดต่อเนื่องมาถึงครั้งที่ 7 และท่าเรือการค้าเสรีไห่หนานเตรียมที่จะปิดด่านศุลกากรอย่างสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการเร่งสร้างระบบเศรษฐกิจแบบเปิดในระดับที่สูงขึ้น เพื่อแบ่งปันโอกาสการพัฒนากับประชาคมโลก
ในปี 2568 ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ตอกย้ำบทบาทของจีนในการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับโลก อาทิ การประชุมสุดยอดขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้ง ได้จัดขึ้น ณ นครเทียนจิน ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่จีนร่วมผลักดัน "พลังแห่ง SCO" เพื่อสนับสนุนความร่วมมือแบบเปิดกว้างในระดับสากล และธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ของกลุ่ม BRICS ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ได้ประกาศขยายสมาชิกอีกครั้ง โดยต้อนรับประเทศแอลจีเรียเข้าเป็นสมาชิกใหม่อย่างเป็นทางการ
การเติบโตของกลุ่มประเทศซีกโลกใต้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบศตวรรษ ตลอดช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 จีนในฐานะสมาชิกของกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ได้แสดงบทบาทอย่างแข็งขันและครอบคลุมซึ่งบทบาทดังกล่าวมีตั้งแต่การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสำคัญ อาทิ การประชุมสุดยอดจีน-เอเชียกลาง จีน-แอฟริกา จีน-อาหรับและ จีน-ลาตินอเมริกา ไปจนถึงการประกาศสนับสนุนความร่วมมือกลุ่มซีกโลกใต้ 8 ข้อ การจัดตั้งกองทุนการพัฒนาโลกและความร่วมมือใต้-ใต้ และการขยายการเปิดตลาดฝ่ายเดียวให้กับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด จีนยึดมั่นในหลักการที่ว่า “จะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังบนเส้นทางสู่ความทันสมัย” โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถผนวกเข้ากับห่วงโซ่อุตสาหกรรมห่วงโซ่คุณค่า และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเร่งรัดกระบวนการอุตสาหกรรมและความทันสมัยของประเทศเหล่านี้
บทบาทของประเทศมหาอำนาจที่แสดงถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ มุ่งดูแลชะตากรรมของมนุษยชาติ
การเป็นประเทศมหาอำนาจจำเป็นต้องแสดงออกอย่างสมฐานะ และรับผิดชอบอย่างแข็งขันยิ่งขึ้น โดยนับตั้งแต่เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ จีนได้แสดงบทบาทสำคัญและกล้าหาญในทุกช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง โดยยึดมั่นในความชอบธรรมเป็นที่ตั้ง ตั้งแต่การยืนหยัดบนเส้นทางการพัฒนาอย่างสันติ การขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนระดับโลกไปจนถึงการผลักดันการสร้างประชาคมโลกที่มีชะตากรรมร่วมกัน ด้วยแนวคิดและภูมิปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์ จีนสามารถรวบรวมฉันทามติจากนานาชาติและได้กลายเป็นต้นกำเนิดแห่งเสถียรภาพ ในการบริหารจัดการประเด็นปัญหาของโลกอย่างแท้จริง
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์โลกที่ซับซ้อนและรุนแรง ซึ่งมีภาวะขาดดุลทั้งด้าน สันติภาพ การพัฒนา ความมั่นคง และ ธรรมาภิบาล ทับซ้อนกันอย่างหนัก ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เสนอ 4 ข้อริเริ่มระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์และนำเสนอแผนการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนของสังคมมนุษย์ในแบบฉบับจีน ซึ่งครอบคลุมใน 4 มิติหลัก ได้แก่ การพัฒนา ความมั่นคง อารยธรรมและธรรมาภิบาล
ด้วยการมุ่งเน้นประโยชน์ร่วมกันของมวลมนุษย์ และการตอบสนองต่อการแสวงหาสันติภาพและการพัฒนาร่วมกันของประชาคมโลก จีนในยุคสมัยใหม่จึงกำหนดให้การพัฒนาประเทศของตนเองต้องอยู่ภายใต้บริบทที่เปิดกว้างของการพัฒนาโลกเสมอมา พร้อมกันนี้ จีนได้ลงมือปฏิบัติจริงตามหลัก ลัทธิพหุภาคีที่แท้จริง โดยขยายเครือข่ายความสัมพันธ์หุ้นส่วนระดับโลก ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ความเสมอภาค การเปิดกว้าง และความร่วมมือ เพื่อระดมพลังในการรับมือกับความท้าทายร่วมกันของโลก
ในห้วงเวลาที่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบศตวรรษของโลกอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องอาศัยการมองข้ามความขัดแย้งด้วยจิตใจที่กว้างขวาง และการดูแลชะตากรรมของมนุษยชาติด้วยความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ดังนั้น ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะผันผวนเพียงใด จีนที่ตระหนักถึงภาระหน้าที่ต่อประชาคมโลก ยังคงพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศในการดำรงบทบาทเป็น ผู้ปฏิบัติจริงด้านมิตรภาพและความร่วมมือ ผู้ขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านอารยธรรม และผู้มีส่วนร่วมในการสร้างประชาคมโลกที่มีชะตากรรมร่วมกัน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตที่ดีงามยิ่งขึ้นของโลก








