โซเชียล

Shopee ยืนหนึ่ง! TikTok แซง Lazada โครงสร้างอี-คอมเมิร์ซไทยเปลี่ยน นักช้อปยุคใหม่เมิน “ลดแลกแจกแถม” หันหา “ความเชื่อมั่น”

แชร์ข่าว

โครงสร้างอี-คอมเมิร์ซไทยถึงจุดเปลี่ยน: Shopee ครองส่วนแบ่งสูงสุด TikTok ผงาดแซง Lazada ชี้ “ความเชื่อมั่น” คือปัจจัยตัดสินใจซื้อสำคัญที่สุด

วันที่ 27 พ.ย. 2568 Milieu Insight บริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำ ได้เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมของนักช้อปออนไลน์ชาวไทยจำนวน 500 คน ชี้ให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ในประเทศไทย โดยระบุว่า กลยุทธ์ ลดแลก-แจกแถม ไม่ใช่คำตอบที่จะสามารถครองใจลูกค้าได้อีกต่อไป แต่สิ่งที่ ผู้บริโภคชาวไทย ต้องการคือ ความเชื่อมั่น และ ประสบการณ์ที่เหนือกว่า เพื่อใช้ในการ ออกแบบความคุ้มค่า ให้กับตนเอง

ผลสำรวจดังกล่าวตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างตลาดอี-คอมเมิร์ซในปัจจุบัน โดย น.ส.จุดา คณาปราชญ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (COO) และผู้ร่วมก่อตั้ง Milieu Insight กล่าวว่า ปัจจุบัน ตลาดอี-คอมเมิร์ซไทย ขับเคลื่อนโดย 3 แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ ดังนี้ Shopee ครองส่วนแบ่งสูงสุดที่ 89% TikTok Shop พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 71% Lazada อยู่ในอันดับที่สามด้วยส่วนแบ่ง 66% ตัวเลขนี้สะท้อนว่า Shopee ยังคงเป็นผู้นำอย่างชัดเจน ขณะที่ TikTok Shop ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียล-คอมเมิร์ซ ได้ขึ้นมามีส่วนแบ่งสูงกว่า Lazada อย่างน่าจับตา

น.ส.จุดา เน้นย้ำว่า ผู้บริโภคไทยทุกวันนี้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การล่าสินค้าราคาถูกจากโปรโมชันอีกต่อไป แต่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริโภคที่ ออกแบบความคุ้มค่า ให้กับตัวเองอย่างจริงจัง ทำให้การประเมินความน่าเชื่อถือและการสั่งซื้อสินค้าถูกนำมาพิจารณาพร้อมกับราคา ความเชื่อมั่น ที่นักช้อปไทยยุคใหม่มองหาครอบคลุมหลายมิติ ได้แก่: ความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรม ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ความรับผิดชอบในการคุ้มครองผู้บริโภค และคุณภาพสินค้า/บริการ เนื่องจากการซื้อ-ขายทางออนไลน์เป็นการทำธุรกรรมแบบไม่มีการพบหน้าผู้ขายและไม่ได้สัมผัสสินค้าจริง ความเชื่อมั่น ที่เกิดจากชื่อเสียง ประสบการณ์ และแบ็คอัพทางธุรกิจของแพลตฟอร์ม จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อและการสร้าง ความภักดีในระยะยาว (Loyalty) Lazada เผชิญโจทย์ใหญ่ด้านความมั่นใจ ส่วน Shopee ชู Digital Bridgeบทวิเคราะห์ได้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ในการสร้างความเชื่อมั่น:

Lazada: แม้จะขยายสู่ตลาดไทยตั้งแต่ปี 2555 และได้รับการสนับสนุนจาก Alibaba Group โดยชูจุดแข็งด้านระบบ โลจิสติกส์ และ ซัพพลายเชน ที่แข็งแกร่ง แต่หลังกรณีที่ Ant Group ถูกรัฐบาลจีนสั่งระงับแผน IPO ในปี 2563 ได้ทำให้เกิดคำถามถึงความมั่นคงและ การทำธุรกิจอย่างอิสระ ของ Alibaba และ Lazada ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน แพลตฟอร์มจึงต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นซ้ำรอย

Shopee: ซึ่งมีฐานที่ตั้งในสิงคโปร์และเข้าตลาดไทยในปี 2558 ได้ใช้กลยุทธ์ Mobile-first Marketplace เน้นความสะดวก รวดเร็ว พร้อมกลยุทธ์ราคา และบริการส่งฟรี ควบคู่กับการสร้างความเชื่อมั่นผ่าน Influencer ปัจจุบัน Shopee เดินหน้าด้วยกลยุทธ์ Digital Bridge ที่เน้นพัฒนาแพลตฟอร์มด้วย เครื่องมือดิจิทัล และ AI เพื่อ เข้าถึงและเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับตลาดภูมิภาคและโลก

โดยสรุปแล้ว แม้แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซจะช่วยกันเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดไทย แต่การสร้าง ความมั่นใจ ให้กับผู้บริโภคและคู่ค้า โดยเฉพาะความมั่นใจที่มาจากนโยบายของบริษัทแม่นั้น จะเป็นคำตอบสุดท้ายในการตัดสินว่า แพลตฟอร์มซื้อ-ขายออนไลน์แบบไหนที่คนไทยต้องการและจะเลือกใช้ในระยะยาว

ข่าวแนะนำ