“กรมสุขภาพจิต”ห่วงใยอารมณ์คนไทย แนะรู้เท่าทันข่าวสาร ลดความตื่นตระหนก ใช้เทคนิคดูแลใจและตรวจสอบข้อมูลก่อนแสดงความเห็น
วันนี้ (18 ธันวาคม 2568) กรมสุขภาพจิตเตือนสังคมไทยเผชิญภาวะอารมณ์เปราะบางจากข่าวสารเข้มข้น ชี้การรับข้อมูลซ้ำ และการแสดงความคิดเห็นด้วยอารมณ์เสี่ยงกระตุ้นความตื่นตระหนก เน้นการเสริมสร้างความรอบรู้เท่าทันข่าวสาร ตรวจสอบข้อมูลก่อนเชื่อและก่อนแชร์ ตามหลัก 3W ยกระดับการดูแลสุขภาพจิตประชาชน เสริมภูมิคุ้มกันทางใจในสถานการณ์อ่อนไหว
นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตได้เฝ้าระวังสถานการณ์ทางสังคมอย่างต่อเนื่อง พบว่าสังคมไทยกำลังเผชิญเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตในวงกว้าง ทั้งเหตุการณ์เดิมและเหตุการณ์ใหม่ที่มีความไม่แน่นอนสูงและกระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง ส่งผลให้ประชาชนเกิดความกังวล ความตื่นตระหนก และความขัดแย้งจากความคิดเห็นที่แตกต่างเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากการติดตามข่าวสารอย่างเข้มข้น การรับข้อมูลซ้ำ ๆ และการแสดงความคิดเห็นด้วยอารมณ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่การสื่อสารหรือการตัดสินใจที่ขาดสติและกระทบต่อผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนภาวะอารมณ์ของสังคม ที่อยู่ในระดับเปราะบาง หากขาดการดูแลและจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสม อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดสะสมและลุกลามเป็นความขัดแย้งในครอบครัว ชุมชน และสังคม ประชาชนจึงควรรู้เท่าทันการรับข่าวสาร ใช้สติในการรับข้อมูล และระมัดระวังการแสดงความคิดเห็นที่ใช้อารมณ์รุนแรง เพราะอาจซ้ำเติมความตื่นตระหนกและส่งผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาว
นายแพทย์กิตติศักดิ์ กล่าวเสริมอีกว่า ทั้งนี้ขอให้ประชาชนร่วมกันเสริมสร้างความรอบรู้ด้านการรับข่าวสาร โดยตรวจสอบข้อมูลก่อนเชื่อและก่อนแชร์ ตามหลัก 3W ได้แก่ WHO ตรวจสอบผู้เขียนและแหล่งที่มา WHAT ตรวจสอบเนื้อหา หลักฐาน และเหตุผล และ WHEN ตรวจสอบช่วงเวลาและความเป็นปัจจุบันของข้อมูล การรับข่าวสารอย่างมีสติ การชะลออารมณ์ก่อนแสดงความคิดเห็น และการคัดกรองข้อมูลอย่างรอบคอบ เป็นกลไกสำคัญในการลดความตื่นตระหนก ป้องกันการปะทะทางอารมณ์ และปกป้องสุขภาพจิตของตนเอง ครอบครัว และสังคมในช่วงสถานการณ์ที่มีความอ่อนไหวสูง
นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเสริมว่า เพื่อลดความเครียดจากการรับข่าวสารที่มากเกินไป สามารถใช้แนวทางป้องกันความเครียดจากข่าวสาร หรือ DIGITAL DETOX สามารถทำได้โดย 1. พักสายตาและสมองทุก 20 นาที หยุดมองหน้าจอ มองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 6 เมตรขึ้นไป กระพริบตา หายใจลึก ๆ 3 ครั้ง พร้อมยืดคอและหมุนไหล่ 2. ทุก 1 ชั่วโมง ลุกเดินประมาณ 2–3 นาที 3. จัดการการใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Unfollow เพจข่าวเชิงลบที่โพสต์บ่อย ตั้งเวลาใช้โซเชียลมีเดียวันละ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยส่งเสริมสุขภาวะทางสังคมได้ดีที่สุด และเลือกติดตามเพจที่ให้ข้อมูลเชิงบวกและเป็นประโยชน์ 4. กำหนดตารางเวลาติดตามข่าว โดยอ่านข่าวสรุปช่วงเช้า (08.00–08.15 น.) และช่วงเย็น (18.00–18.15 น.) ตรวจสอบข่าวสั้น ๆ กลางวัน (12.00–12.15 น.) และงดติดตามข่าวหลังเวลา 20.00 น. และ 5. กำหนดวันพักสมอง เลือก 1 วันเป็น News-Free Day หรือหากเครียดมาก ควรงดติดตามข่าว 1–2 วัน และลดการอ่านข่าวลงอย่างน้อยร้อยละ 50 ในช่วงวันหยุดยาว
หากประชาชนมีความเครียดจากสถานการณ์ที่อ่อนไหว สามารถขอรับคำปรึกษาและประเมินสุขภาพจิตได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง, เว็บไซต์ www.วัดใจ.com, แอปพลิเคชัน DMIND รวมถึงติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ www.สุขภาพจิต.com และสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทางของกรมสุขภาพจิต








