วันทึ่ 8 ธันวาคม 2568 ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์และมาตรการรับมือฝุ่น PM 2.5 ของกรุงเทพมหานคร โดยชี้ให้เห็นถึงต้นตอของปัญหาว่า 1 ใน 3 เกิดจากสภาพอากาศปิดที่ควบคุมไม่ได้ ส่วนอีก 1 ใน 3 มาจากการปล่อยมลพิษของรถยนต์และรถบรรทุก และส่วนที่เหลือมาจากการเผาชีวมวล ซึ่งจากการถอดบทเรียนในปีที่ผ่านมา กทม. ได้ประกาศให้เป็นเขตควบคุมมลพิษในช่วงวิกฤต (มกราคม-มีนาคม) ส่งผลให้มีการปรับมาตรฐานการตรวจวัดควันดำที่เข้มข้นขึ้น โดยลดเกณฑ์ความทึบแสงลง ทำให้สามารถจับกุมรถบรรทุกและรถยนต์ที่มีควันดำได้เพิ่มขึ้นถึง 3.6 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สำหรับมาตรการในปีนี้ กทม. ได้ยกระดับความเข้มข้นขึ้นโดยขยายผล "เขตมลพิษต่ำ" (Low Emission Zone) หรือเขตปลอดฝุ่น จากเดิมที่จำกัดเฉพาะพื้นที่วงแหวนชั้นใน ให้ครอบคลุมทั่วทั้ง 50 เขตของกรุงเทพมหานคร หากมีการประกาศภาวะฝุ่นวิกฤต รถยนต์ที่ไม่อยู่ในบัญชีสีเขียว (Green List) หรือรถที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง หากฝ่าฝืนเข้ามาในพื้นที่จะมีโทษปรับ 2,000 บาท นอกจากนี้ยังได้ประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการติดตั้งระบบติดตามฝุ่นท้ายปล่องโรงงาน จากเดิม 8 แห่ง เพิ่มเป็น 256 แห่ง เพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษจากต้นทางให้รัดกุมยิ่งขึ้น
ในส่วนของความร่วมมือจากภาคประชาชน ผู้ว่าฯ กทม. ได้ขอความร่วมมือใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) เมื่อมีการประกาศขอความร่วมมือ ซึ่งจากการทดลองเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าปริมาณการจราจรลดลงถึง 9% ช่วยให้การระบายฝุ่นดีขึ้น 2. การบำรุงรักษารถยนต์ด้วยการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองเพื่อลดการปล่อยฝุ่น หรือเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าหากมีความพร้อม 3. การช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสต้นตอการปล่อยมลพิษหรือการเผาผ่านระบบ Traffy Fondue เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าจัดการปัญหาได้ทันท่วงที และ 4. การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งที่ผ่านมามีการร่วมกันปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 2.3 ล้านต้น และมีการเพิ่มสวนสาธารณะกว่า 400 แห่ง
ด้านการจัดการฝุ่นจากการเผาชีวมวล นายชัชชาติระบุว่าจากการเก็บข้อมูลความสูงของฝุ่นและการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี พบว่าในช่วงนี้ฝุ่นส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ยังคงเกิดจากการจราจรเป็นหลัก (Black Carbon) เนื่องจากยังไม่เข้าสู่ฤดูการเผาอย่างเต็มตัว แต่หากเข้าสู่ช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม จะเริ่มมีฝุ่นจากการเผาชีวมวลเข้ามาสมทบ ทั้งนี้ กทม. เข้าใจถึงความจำเป็นทางเศรษฐกิจของเกษตรกร จึงเน้นแนวทางการบริหารจัดการช่วงเวลาการเผาไม่ให้ตรงกับช่วงที่สภาพอากาศปิด เพื่อลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในเมือง
สำหรับการดูแลสุขภาพประชาชน กทม. ได้เร่งจัดทำ "ห้องปลอดฝุ่น" ในโรงเรียนสังกัด กทม. และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งดำเนินการไปแล้วกว่า 50% และตั้งเป้าให้ครบ 100% หรือประมาณ 1,100 แห่งภายในปีนี้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีพื้นที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา ส่วนกลุ่มเปราะบางและผู้ป่วยติดเตียงที่มีกว่า 10,000 ราย ทาง กทม. ได้มีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ กทม. ฝากเตือนประชาชนให้ทำความเข้าใจเรื่องค่าฝุ่น โดยให้ยึดค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงเป็นหลักตามมาตรฐานกรมควบคุมมลพิษ เพื่อความแม่นยำและไม่เกิดความตื่นตระหนกจากค่ารายชั่วโมงที่มีความผันผวนสูง
ด้านสำนักงานสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สำนักอนามัย จัดซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ มอบให้ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาลสำนักงานเขต 50 เขตรวมทั้งสิ้น 1 ล้านชิ้น เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง อาทิ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจรวมถึงประชาชนผู้ใช้ชีวิตนอกอาคาร เช่น วินมอเตอร์ไซค์ โดยจะมีการมอบให้สำนักงานเขตภายในวันที่ 11 ธันวาคม นี้







