ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “3 ปีครึ่ง ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ซึ่งดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 2 ธันวาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 หน่วยตัวอย่าง เพื่อสะท้อนมุมมองต่อการทำงานในรอบ 3 ปีครึ่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยผลสำรวจสะท้อนความพึงพอใจในภาพรวมที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเมื่อถามถึงความพึงพอใจต่อการทำงาน พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46.55 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 31.85 ระบุว่า พอใจมาก ขณะที่ร้อยละ 14.70 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 6.70 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.20 ไม่ตอบหรือไ่ม่สนใจ
เมื่อจำแนกความคิดเห็นในแต่ละประเด็นการทำงาน พบว่าประชาชนมีความคิดเห็นเชิงบวกในหลายด้าน โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ ที่ตัวอย่างร้อยละ 38.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 37.20 ระบุว่า ดีมาก ส่วนร้อยละ 14.15 มองว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 5.25 ไม่ดีเลย และร้อยละ 4.65 ไม่มีข้อมูล เช่นเดียวกับ การปรับปรุงและจัดระเบียบทางเท้า หาบเร่แผงลอย ซึ่งร้อยละ 40.70 มองว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 36.70 ดีมาก ร้อยละ 14.80 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 6.20 ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.60 ไม่มีข้อมูล
ด้านความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง และน้ำเสีย ร้อยละ 40.80 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 32.60 ดีมาก ร้อยละ 19.25 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 6.40 ไม่ดีเลย และร้อยละ 0.95 ไม่มีข้อมูล สำหรับการปรับปรุงทัศนียภาพ ถนน ตรอก ซอย ร้อยละ 40.85 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 32.20 ดีมาก ร้อยละ 18.45 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 6.40 ไม่ดีเลย และร้อยละ 2.10 ไม่มีข้อมูล ส่วนการป้องกันอาชญากรรมและความปลอดภัย ร้อยละ 39.15 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 32.15 ดีมาก ร้อยละ 18.35 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 6.90 ไม่ดีเลย และร้อยละ 3.45 ไม่มีข้อมูล
ในด้านการส่งเสริมกิจกรรมและเศรษฐกิจเมือง พบว่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน กทม.ได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดีร้อยละ 39.50 ตามด้วยดีมากร้อยละ 28.00 ไม่ค่อยดีร้อยละ 16.55 ไม่มีข้อมูลร้อยละ 9.50 และไม่ดีเลยร้อยละ 6.45 ด้านการสนับสนุนการกีฬา ร้อยละ 37.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 28.55 ดีมาก ร้อยละ 15.75 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 11.85 ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 6.10 ไม่ดีเลย ขณะที่ การปรับปรุงการให้บริการในหน่วยงานของ กทม. ร้อยละ 40.25 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 21.95 ดีมาก ร้อยละ 18.80 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 10.35 ไม่ดีเลย และร้อยละ 8.65 ไม่มีข้อมูล
สำหรับการแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานและสังคม ผลสำรวจชี้ว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ประชาชนร้อยละ 40.20 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 23.90 ดีมาก ร้อยละ 21.65 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 10.80 ไม่ดีเลย และร้อยละ 3.45 ไม่มีข้อมูล ด้านการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ร้อยละ 40.10 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 21.80 ดีมาก ร้อยละ 17.15 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.00 ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 5.95 ไม่ดีเลย ส่วนปัญหาจราจรและรถติด ร้อยละ 41.40 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 26.60 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.95 ดีมาก ร้อยละ 11.25 ไม่ดีเลย และร้อยละ 3.80 ไม่มีข้อมูล
ด้านการจัดระเบียบการชุมนุม ร้อยละ 40.25 มองว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 20.60 ดีมาก ร้อยละ 16.95 ไม่มีข้อมูล ร้อยละ 16.40 ไม่ค่อยดี และร้อยละ 5.80 ไม่ดีเลย สำหรับการจัดระเบียบคนเร่ร่อน ร้อยละ 38.80 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 23.65 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 20.35 ดีมาก ร้อยละ 11.00 ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.20 ไม่มีข้อมูล ในขณะที่ ปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข ร้อยละ 38.60 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 22.60 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 20.95 ดีมาก ร้อยละ 9.85 ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 8.00 ไม่ดีเลย
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นท้าทายที่ได้รับคะแนนความพึงพอใจน้อยกว่าด้านอื่น ได้แก่ การพัฒนาการศึกษา ซึ่งร้อยละ 37.50 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 20.60 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.80 ไม่มีข้อมูล ร้อยละ 16.60 ดีมาก และร้อยละ 8.50 ไม่ดีเลย ส่วนการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 25.05 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 23.50 ไม่ค่อยดี ร้อยละ 22.95 ไม่ดีเลย ร้อยละ 16.25 ไม่มีข้อมูล และมีเพียงร้อยละ 12.25 ที่ระบุว่าดีมาก และประเด็นที่น่ากังวลที่สุดคือ การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ/ปากท้อง ซึ่งเป็นด้านเดียวที่สัดส่วนผู้ระบุว่า "ไม่ค่อยดี" สูงที่สุดที่ร้อยละ 33.40 รองลงมาคือค่อนข้างดีร้อยละ 28.05 ตามด้วยไม่ดีเลยร้อยละ 20.20 ไม่มีข้อมูลร้อยละ 9.95 และดีมากเพียงร้อยละ 8.40
อนึ่ง ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ ประกอบด้วยเพศชายร้อยละ 45.55 และเพศหญิงร้อยละ 54.45 กระจายตามช่วงอายุ โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดคืออายุ 60 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 30.00) รองลงมาคือ 46-59 ปี (ร้อยละ 25.10) และกระจายตามระดับการศึกษา โดยส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (ร้อยละ 44.65) ส่วนด้านอาชีพนั้น กลุ่มตัวอย่างประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระมากที่สุด (ร้อยละ 28.15) ตามด้วยพนักงานเอกชน (ร้อยละ 27.30) และพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน (ร้อยละ 24.10) โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 10,001-20,000 บาท (ร้อยละ 26.70)








