"อัครา" หนุน พม. จับมือ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ-คณะแพทยศาสตร์ มธ. ขยายโอกาสเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ สังคม-สาธารณสุข ช่วยกลุ่มเปราะบางผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
วันที่ 26 พ.ย.68 เวลา 10.00 น. นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง" ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวต้อนรับ และศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวแสดงเจตจำนงความร่วมมือ ทั้งนี้ นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) , รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และรองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอัจฉรา ตั้งสถาพรพงษ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมลงนาม ณ ศูนย์ประชุมคณะแพทยศาสตร์ ชั้น 8 ศูนย์ฝึกทักษะทางการแพทย์ธรรมศาสตร์ (TMEd) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จังหวัดปทุมธานี
นายอัครา กล่าวว่า รัฐบาลได้วางแนวทางสำคัญในการสร้างระบบสาธารณสุขที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เท่าเทียม และมีคุณภาพ ควบคู่กับการยกระดับสวัสดิการและความมั่นคงทางสังคม ซึ่งแนวทางนี้ชัดเจนว่า “รัฐต้องเข้าไปให้ถึงประชาชน เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับการรักษาและสวัสดิการอย่างไม่ติดขัด” ทั้งนี้ กระทรวง พม. จึงได้กำหนดนโยบาย “พม. ใกล้คุณ”เพื่อทำให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นจริงทั้งในด้านการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ มีการลดภาระของครอบครัวเปราะบาง และการบูรณาการทำงานกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างมุ่งเป้า และทันสถานการณ์
นายอัครา กล่าวต่อไปว่า วันนี้ การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) "โครงการบูรณาการความร่วมมือเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง" ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้น นับเป็นตัวอย่างของการนำ นโยบายระดับชาติมาผสานกับ ศักยภาพระดับพื้นที่ระหว่างภารกิจด้านสังคมของกระทรวง พม. และศักยภาพด้านการแพทย์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางได้รับโอกาสในการรักษา ฟื้นฟู และกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องแบกรับภาระเกินความจำเป็น คือความร่วมมือที่มี “ผลลัพธ์จับต้องได้” ต่อกลุ่มเปราะบาง ความร่วมมือที่เราลงนามกันในวันนี้เป็นตัวอย่างของการนำ นโยบายระดับชาติมาผสานกับศักยภาพระดับพื้นที่ระหว่างภารกิจด้านสังคมของกระทรวง พม. และศักยภาพด้านการแพทย์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้ประชาชนได้รับโอกาสในการรักษา ฟื้นฟู และกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องแบกรับภาระเกินความจำเป็น ซึ่งคือความร่วมมือที่มี “ผลลัพธ์จับต้องได้” ต่อประชาชนกลุ่มเปราะบาง และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความร่วมมือนี้ จะไม่หยุดเพียงการผ่าตัด หรือการรักษาเฉพาะหน้า แต่จะเป็นฐานสำคัญของการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุในระยะยาวของประเทศเพื่อรองรับสังคมสูงวัยที่กำลังเป็นความท้าทายสำคัญของประเทศไทย
นายอัครา กล่าวว่า สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ดังกล่าว มีเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มเปราะบางให้สามารถเข้าถึงบริการทางสังคมและสุขภาพ ด้วยการดำเนิน “โครงการจิตอาสา ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเฉลิมพระเกียรติ” ภายใต้ โครงการบูรณาการความร่วมมือเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางฯ มีขอบเขตการดำเนินงานหลักในการคัดกรอง สำรวจ และผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าให้กับกลุ่มเปราะบางในพื้นที่เป้าหมาย โดยกระทรวง พม. ร่วมดำเนินการ ดังนี้ 1) สำรวจและคัดกรองกลุ่มเปราะบางในพื้นที่เป้าหมาย โดยประสานการดำเนินงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ และภาคีเครือข่าย 2) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ รวมถึงถ่ายทอดไปสู่ผู้ปฏิบัติงาน และหรืออาสาสมัครด้านสังคมในพื้นที่เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการดูแลกลุ่มเปราะบางให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และ 3) บูรณาการการติดตามการดำรงชีวิตกลุ่มเปราะบางในทุกมิติภายหลังการเข้าร่วมโครงการ
"สำหรับความร่วมมือในอนาคต นั้น กระทรวง พม. และกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ ต้องการให้ MOU ครั้งนี้ เป็นต้นแบบสำหรับโครงการนำร่องในการทำ MOU ร่วมกับศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อที่จะดูแลกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศต่อไป และจาก MOU การบูรณาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัยทั่วไทย ระหว่าง 4 กระทรวง กับ 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น ในระยะยาว เราจะให้หน่วยงานท้องถิ่นชี้เป้ากลุ่มเปราะบางในพื้นที่ที่ยังเข้าไม่ถึงสิทธิสวัสดิการของรัฐ โดยเฉพาะเรื่องของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" นายอัครา กล่าว







