ข่าวคุณภาพชีวิต

"ดร.ธรณ์" ชี้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ การสื่อสารผิดพลาด–รัฐทำงานเชื่องช้า จน ปชช.ต้องเป็นพระเอก สะท้อนวิกฤตโลกร้อนรุนแรง

แชร์ข่าว

วันที่ 26 พ.ย.68 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า...

วันนี้ผมมีพูดที่พรรคประชาธิปัตย์ เขาติดต่อไว้นานแล้ว หัวเรื่องคือการรับมือภัยพิบัติในยุคโลกร้อน

ในกรณีหาดใหญ่ จากการสื่อสารที่ผิดพลาดในช่วงต้น คนกลับเข้าไปในช่วงรอยต่อระลอก 1-2 ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดในการรับมือภัยพิบัติ นั่นคือมีผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมาก

มาถึงการช่วยเหลือของภาครัฐ การประเมินสถานการณ์ที่ไม่ดีพอ การใช้ระบบแบบเดิมๆ คือสั่งการ ทำให้เกิดการทำงานที่เชื่องช้าและสับสน

การประสานงานที่วุ่นวาย การสื่อสารที่ขาดหาย และการไม่ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทุกอย่างที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สุดท้ายแล้วภาคประชาชนคือพระเอก (

ทุกท่านที่กรุณาเสียสละลงไปกู้ภัยและช่วยชาวบ้าน)

แต่ภาคประชาชนก็คงทำได้เพียงซัพพอร์ต เราต้องการภาครัฐให้นำทาง แต่มันก็ไม่ค่อยมีอย่างที่หวัง

หลายหน่วยงานลงไปช่วยกัน พี่ๆ ทหารไปช่วย กรมประมงกรมทะเลก็เอาเรือออกไป ผมทราบดีและอยากขอบคุณจากใจ

แต่การนำทางมันต้องมากกว่านั้นมากๆ การสื่อสารต่อผู้คนทั่วประเทศที่เป็นห่วงใจจะขาด มันต้องทำดีกว่านั้น

การลงมือทำในพื้นที่ มันต้องจริงจังและฉับพลัน ทุกนาทีมีค่าหมายถึงชีวิต

ในโลกโซเชียล โพสต์ต่างๆ ที่ทยอยขึ้นมา ผ่านไป 3-4-5 วัน ความช่วยเหลือยังไม่มาถึง ยิ่งทำให้ศรัทธาสูญหาย

แม้แต่ผมผู้ไม่ค่อยหวังอะไรอยู่แล้ว บอกเสมอว่าการรับมือภัยโลกร้อนของไทย อยู่ในสภาพตัวใครตัวมัน ผมยังไม่คิดว่ามันจะเศร้าได้ถึงขนาดนี้

ในยุคของผม ภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่เจอคือพายุเกย์และสึนามิ เรายังเชื่อและศรัทธาภาครัฐมากกว่านี้

อาจเป็นเพราะยุคนี้มีโซเชียล มีการทำงานของภาคประชาชนที่พัฒนาไปข้างหน้า ขณะที่ภาครัฐตามไม่ทัน ทำให้การเปรียบเทียบเห็นชัดขึ้น

และยิ่งโลกร้อนขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งภัยพิบัติเกิดขึ้นถี่แค่ไหน เรายิ่งเห็นภาพชัด

มันจึงเป็นสถานการณ์ที่ผมบอกมาตลอด โลกร้อนมันน่ากลัว เราต้องให้ความสำคัญมากๆ กับการรับมือ

จากกรณีหาดใหญ่ ผมเชื่อว่าคนไทยเห็นความน่ากลัวของโลกร้อน เริ่มคิดถึง เริ่มหาข้อมูล เริ่มรู้สึกถึงความเสี่ยง

เริ่มอยากให้คนที่เขาเลือกไปเป็นผู้แทน ไม่ว่าจะระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ ต้องมีอะไรที่เขาศรัทธาได้

มีอะไรที่จะทำให้พวกเขาวางใจว่าจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น

มันก็จะสะท้อนกลับมาสู่การปรับตัวของพรรคการเมือง ให้ความสำคัญกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ให้ความสำคัญกับการรับมือโลกร้อนมากขึ้น นอกเหนือไปจากเอะอะก็ Net Zero

จนสักวัน โลกร้อนจะกลายเป็นนโยบายหลัก มิใช่แค่ของแถม

และต้องเป็นนโยบายที่ทำได้ มิใช่แค่แถลงไว้แต่ทำไม่ได้ เพราะมันจะย้อนมาปักอกตัวเองให้เจ็บหนัก

นั่นคือบางเรื่องที่อยากพูดบ่ายนี้ครับ

หมายเหตุ - ตราบใดที่ไม่เล่นการเมือง นักวิชาการต้องเป็นกลาง ผมยินดีไปพูดให้พรรคไหนก็ได้ และไม่คิดจะเล่นการเมืองครับ

ข่าวแนะนำ