นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ส่งทีมสาธารณสุขลงพื้นที่ดูแลอย่างใกล้ชิด จากรายงานสถานการณ์ผู้ประสบภัยในเขตสุขภาพที่ 12 ได้รับผลกระทบ 7 จังหวัด 66 อำเภอ 369,847 ครัวเรือน ประกอบด้วย จังหวัดตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จึงได้มอบหมายให้ทีมสาธารณสุข ดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม และศูนย์พักพิงอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ติดตามดูแลกลุ่มเปราะบาง รวม 3,397 ราย
ขณะนี้ มีศูนย์พักพิงใน 7 จังหวัด รวม 138 แห่ง สำหรับจังหวัดสงขลาได้จัดตั้งศูนย์พักพิง จำนวน 67 แห่ง บางส่วนได้มีการเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปพักที่โรงพยาบาลจะนะ จำนวน 7 ราย เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องใช้ออกซิเจน และ suction 5 ราย และหญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอด มีอายุครรภ์เกิน 39 สัปดาห์ จำนวน 2 ราย สำหรับในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดตั้งศูนย์พักพิงแล้ว จำนวน 10 แห่ง ซึ่งขณะระดับน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมผ่านช่องทางสื่อสารต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งดูแลสุขภาพตนเองและสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ หรือลงในจุดที่น้ำท่วมสูง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เจ็บป่วย และเสียชีวิต นอกจากนี้ควรระมัดระวังสัตว์มีพิษกัดต่อย ควรถอดปลั๊กไฟต่าง ๆ ภายในบ้านบริเวณที่จมน้ำ และตัดกระแสไฟฟ้าเฉพาะชั้นที่มีน้ำท่วมขัง เพื่อป้องกันไฟฟ้ารั่วซึมหรือลัดวงจร
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้มอบหมายให้ทีม SEhRT ของศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช และศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา ลงพื้นที่เข้าร่วมภารกิจร่วมกับหน่วยงานระดับพื้นที่
ทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมทั้งมอบของสนับสนุน สำหรับการจัดการสุขาภิบาล สุขอนามัย และอนามัยสิ่งแวดล้อม ขณะนี้ สถานการณ์เฝ้าระวังน้ำท่วมในศูนย์อนามัยที่12 ยะลา ฝนหยุดตกแล้ว แต่ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานียังอยู่ในระดับที่ยังต้องเฝ้าระวัง
ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ศูนย์พักพิง ปฏิบัติ ดังนี้ 1) เฝ้าระวังสัญญาณอันตราย เช่น ปวดท้อง ท้องแข็งสม่ำเสมอ เลือดออกทางช่องคลอด ลูกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน และสังเกตอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น มีไข้ ปัสสาวะแสบขัด 2) หากไม่สามารถไปฝากครรภ์ตามนัดได้ สามารถเลื่อนนัดได้ 1 สัปดาห์แต่หากเลยกำหนดควรหาทางไปพบแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ หรือติดต่อ 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ 3) กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน ธาตุเหล็ก และโฟเลต 4) รักษาสุขอนามัย ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังใช้ห้องน้ำ 5) ใช้น้ำสะอาดสำหรับดื่มและทำอาหาร 6) หลีกเลี่ยงการยกของหนัก 7) หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด มีฝุ่น หรือเสียงดัง 8) เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินและคลอด เช่น ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น ไฟฉาย แบตเตอรี่ อาหารและน้ำ ยาประจำตัว อุปกรณ์ทำความสะอาด และวิตามินสำหรับหญิงตั้งครรภ์ 8) เตรียม "ถุงคลอด" ที่มีของใช้จำเป็นสำหรับการคลอด เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าเด็ก และเรียนรู้วิธีการเจ็บท้องคลอดเบื้องต้น และ 9) การดูแลด้านจิตใจ ให้กำลังใจจากครอบครัวและชุมชน เพื่อความปลอดภัย







