เมื่อเวลา 14.25 น. วันที่ 19 พ.ย.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยภายหลังหารือกับเอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย เกี่ยวกับช้างพลายศรีณรงค์และพลายประตูผา ว่า เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทยให้ความร่วมมือ ซึ่งขอขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่ได้รับสั่งการจากนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อสั่งการมาในเรื่องของการพูดคุยในแบบมิตรภาพที่ดี เพราะไทยกับศรีลังกามีความสัมพันธ์ยาวนานครบ 70 ปี เราได้สะท้อนความรู้สึกสิ่งที่เราได้รับทั้งหมดให้กับทางเอกอัครราชทูตทราบ และนำข้อความที่ได้หารือต้องการสื่อถึงรัฐบาลศรีลังกา
นายสุชาติ กล่าวว่า เอกอัครราชทูตศรีลังกาได้พูดถึงข้อความบนเฟซบุ๊กต่าง ๆ ว่า บางภาพไม่ใช่ช้าง 2 เชือกของไทย เป็นช้างที่เป็นอดีตมาแล้ว เราก็ไม่ได้ว่า ว่าใครถูกหรือผิด เพราะยังไม่ได้เดินทางไป วันนี้เราเจรจาในนามของตนเอง ห่วงใยช้าง 2 เชือก ตั้งใจที่จะขึ้นไปพบและไปเยี่ยม และมีประเด็นในการหารือเรื่องโลกร้อนที่รอความร่วมมือกันอยู่ด้วย เราจะทำข้อความผ่านกระทรวงการต่างประเทศส่งถึงศรีลังกาว่าอาจจะขอคณะสัตวแพทย์ขึ้นไปด้วย เพื่อไปตรวจสุขภาพช้างทั้ง 2 เชือก ให้คนไทยทราบข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงความเป็นอยู่ทั้งหมด
ซึ่งเอกอัครราชทูตศรีลังการะบุว่า เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นก็นำข้อความต่าง ๆ ส่งไปทางรัฐบาลศรีลังกา โดยได้มีการจัดทีมสัตวแพทย์อาวุโสลงไปตรวจสุขภาพช้างและดูความเป็นอยู่ของวัดทั้ง 2 แห่ง ที่มีการมอบช้างไปอยู่วัดละเชือก และมีการรายงานเป็นข้อมูลช้าง ตนเองกับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชก็พร้อมที่จะขึ้นไปคารวะประธานาธิบดีศรีลังกาตามข้อสั่งการของนายกฯ และนำทีมแพทย์ไปตรวจสุขภาพ ส่วนการจะได้กลับมาหรือไม่ จะต้องไปพูดคุยกันหน้างาน
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า จากหนังสือที่ดูตามเอกสารในอดีตพบว่า การส่งช้างไปเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ซึ่งการที่จะคุยกันต้องยอมรับว่าเขามีความผูกพันกับช้างทั้งสองเชือกเช่นกัน เพราะเป็นช้างที่ใช้แห่พระเขี้ยวแก้วมายาวนาน และประชาชนชาวศรีลังกาให้ความเคารพและนับถือศาสนาพุทธเช่นกัน เป็นสิ่งที่ประชาชนชาวศรีลังกาให้ความเคารพช้างทั้ง 2 เชือกด้วย เพราะการแห่พระเขี้ยวแก้วเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศเขา ช้างเป็นศูนย์รวมจิตใจของเขา
ทั้งนี้ หลักคือ รัฐบาลของเขาได้มอบให้กับวัดละเชือก เพราะวัดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวศรีลังกาให้ความเคารพนับถือ เมื่อไปพบรัฐบาลศรีลังกาแล้ว ตรวจสุขภาพแล้ว ในเรื่องการเจรจา ดูต้องว่าใครถือกรรมสิทธิ์ ต้องรอให้เขาตอบกลับมา โดยได้ย้ำเอกอัครราชทูตไปว่าเป็นเรื่องของจิตใจที่ไทยผูกพันกับช้าง เวลาเราเจรจาทางการทูตเราต้องทะนุถนอมความสัมพันธ์ 70 ปี จะพูดด้วยความคิดตนเองทั้งหมดไม่ได้ ต้องฟังเขาด้วย ยืนยันว่าเราทำงานเต็มที่ ไม่ได้หยุดนิ่งและทำทุกวัน ขอคนไทยให้เวลา เพราะเรามารับเรื่องนี้ช่วงหลังรับตำแหน่ง 30 วัน ภายใน 1 เดือนเราสามารถเจรจาถึงขั้นนัดเอกอัครราชทูตมาพูดคุยด้วยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนวันที่ 8 ธ.ค.จะทำอะไรได้บ้าง นายสุชาติ กล่าวว่า จะต้องให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือไปทางรัฐบาลศรีลังกาให้ตอบรับในการขอเข้าคาราวะประธานาธิบดี พร้อมจะหารือเกี่ยวกับโลกร้อน พร้อมจะขอนำทีมสัตวแพทย์จากไทยไปด้วย เบื้องต้นมีการยืนยันว่าช้างทั้ง 2 เชือก มีสุขภาพที่แข็งแรง แต่เราอยากไปดู ส่วนจะสามารถนำช้าง 2 เชือกนี้กลับไทยภายใน 4 เดือน ตามอายุรัฐบาลหรือไม่นั้น จะพยายาม








