มก.-จุฬา ค้นคิดนวัตกรรม “ นิวซอยพลัส: ผลิตภัณฑ์ปรับสภาพดินพร้อมธาตุอาหารพืชจากเปลือกหอยแมลงภู่” คว้ารางวัลเหรียญทอง ในงาน 2025 Kaohsiung International Invention & Design EXPO ณ เมืองเกาสง ไต้หวัน
ผลงานวิจัยของทีมวิจัย ภาควิชาปฐพีวิทยา คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับภาควิชาเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้ทุนสนับสนุนวิจัยโครงการ “นิวซอย2-in-1: เกร็ดแคลเซียมคาร์บอเนตควบปุ๋ยปรับสภาพดินเปรี้ยวจากเปลือกหอยแมลงภู่สำหรับนาข้าว” ทุนวิจัยโครงการการยกระดับนักวิจัย นักประดิษฐ์ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน Invention to Business (I-2B) ประจำปีงบประมาณ 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และได้รับงบประมาณสนับสนุนการเข้าร่วมประกวดนวัตกรรม จาก สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (สวพ.มก.) ได้รับรางวัลเหรียญทอง Gold Medal Award ในงาน 2025 Kaohsiung International Invention & Design Expo ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 4-6 ธันวาคม 2568 ณ เมืองเกาสง ไต้หวัน ผลงานดังกล่าวเป็นผลงานต่อยอดจาก “ นิวซอย: สารปรับสภาพดินแคลเซียมที่มีประสิทธิภาพจากเปลือกหอยแมลงภู่” (NeuSoil: Effective Calcium Soil Neutralization Agent from Green Mussel Shells) ที่ได้รับรางวัล Silver Medal Award ในงาน The 49th International Exhibition of Inventions of Geneva, Switzerland ระหว่างวันที่ 17-21 เมษายน 2567 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส
คณะผู้ประดิษฐ์ ได้แก่ อ.ดร.ณัชชา ศรหิรัญ, รศ.ดร.นภาพร พันธุ์กมลศิลป์ (ภาควิชาปฐพีวิทยา คณะเกษตร กำแพงแสน), รศ.ดร.คเณศ วงษ์ระวี (ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) และน.ส.สุนิตา สังข์ทอง (นิสิตปริญญาโท หลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการจัดการทางดิน คณะเกษตร กำแพงแสน)
ประเด็นสำคัญของนวัตกรรมนี้ มุ่งเน้นเรื่องของการนำขยะเปลือกหอยแมลงภู่ที่สร้างปัญหาด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านการเกษตร โดยนำจุดแข็งของโครงสร้างเปลือกหอยแมลงภู่ที่เป็นผลึกแคลเซียมอะราโกไนต์ที่มีชั้นโปรตีนแทรก มาดัดแปลงทางเคมีทำให้เป็นปูนที่มีธาตุอาหารหลักของพืช (NPK) บรรจุอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเมื่อใช้ตามปริมาณความต้องการปูนของดิน ทั้งนี้การนำนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์นั้น คณะผู้วิจัย มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวจัดในนาข้าว บริเวณพื้นที่ภาคกลางตอนล่างของประเทศ “นิวซอยพลัส” จะทำให้ดินมีค่าพีเอชที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชและการละลายของธาตุอาหารพืชในดิน อีกทั้งช่วยลดเวลาและแรงงานในการปลูกพืชจากการใส่ปูนและปุ๋ยสองครั้งเป็นการใส่วัสดุครั้งเดียวได้ทั้งการปรับสภาพดินและธาตุอาหารพืชไปพร้อมกัน โดยคาดว่าเมื่อใช้ในปริมาณความต้องการปูนของพื้นที่ในอัตราประมาณ 500-2000 กก/ไร่ จะให้ปุ๋ยได้ประมาณ 5-50 กก/ไร่ นับเป็นการแก้ไขดินกรด ให้ปุ๋ยในอัตราที่เหมาะสม เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน ลดจำนวนครั้งของการใส่ปัจจัยการผลิต และลดปัญหามลพิษจากเปลือกหอยแมลงภู่โดยการนำกลับมาใช้เป็นประโยชน์ในภาคการเกษตร








